ยึดทรัพย์เครือข่าย’เอกอ้วน’ เปิด 2 ตู้เซฟ ตะลึง’ทองคำ-เงินสด’ 38 ล้าน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 1 พฤศจิกายน ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ปส.) พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ชัยวัฒน์ เกตุวรชัย ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.สมหมาย กองวิสัยสุข ผบช.ปส. และเจ้าหน้าที่ บช.ภ.1 แถลงจับกุมยาเสพติด 4 ราย

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าวว่า รายแรก ตามที่ บช.ภ.1 จับกุมผู้ต้องหา 3 คน พร้อมยาบ้า 1,000,000 เม็ด ในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ต่อเนื่องพื้นที่กรุงเทพฯ และขยายผลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการอีก 3 คน โดย บช.ภ.1 ประสาน ศอ.ปส.ตร.และ บช.ปส. ร่วมกันขยายผล พบเป็นเครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ เชื่อมโยงหลายพื้นที่ มีผู้ร่วมขบวนการจำนวนมาก มีนายจิรัฏฐ์ เพ็ญโสภณวิชญ์ (ชื่อเดิม นายจรัล คำสด) หรือเอกอ้วน เป็นตัวการสำคัญ ต่อมามีคำสั่ง ตร.ที่ 490/2560 ลงวันที่ 9 สิงหาคม จากนั้นขยายผลนำไปสู่การขออนุมัติหมายจับผู้ร่วมขบวนการอีก 6 คน และมีบุคคลในเครือข่ายของนายจรัล ที่มีหมายจับคดียาเสพติดอีก 2 คน รวมเป็น 11 คน

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติการชัยยะสยบไพรี 60/6 “ผลพวงของความโลภ” เครือข่ายนายจรัล ปิดล้อมตรวจค้น 43 จุด จับกุมบุคคลในเครือข่ายนายจรัล ตามหมายจับ พร้อมยึดอายัดทรัพย์สินจากการค้ายาเสพติด พบตู้นิรภัย 2 ตู้ ตู้ที่ 1 มีทองรูปพรรณน้ำหนัก 25 บาท ราคา 491,184 บาท และนาฬิกา 2 เรือน ตู้นิรภัยที่ 2 พบทองแท่ง น้ำหนัก 900 บาท ราคาประมาณ 18,000,000 บาท และทองรูปพรรณน้ำหนัก 50 บาท ราคา 982,368 บาท และเงินสด 18,991,000 บาท รวมมูลค่าทรัพย์สิน 38,464,552 บาท

Advertisement

ด้าน พล.ต.ท.สมหมายกล่าวว่า เครือข่ายนี้เริ่มต้นจากขบวนการจีนฮ่อ พัฒนาจากสายส่งมาเป็นผู้ค้ารายใหญ่ มีขนาดขบวนการใกล้เคียงกับหงซา ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ และเป็นที่ไว้วางใจของผู้ผลิต เพราะสามารถสั่งยาราคาสูงจากผู้ผลิตมาจำหน่ายได้ มีรูปแบบแตกต่างจากขบวนการของนายไซซะนะ ที่เคยจับกุมมาได้ เครือข่ายของเอกอ้วนถือเป็นขบวนการที่กระจายยาเสพติดได้กว้างและครอบคลุม ทั้งยังสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นแบรนด์ของตัวเอง และสร้างไลน์ประชาชนในกรุงเทพฯ เป็นขบวนการที่ฝังรากและแผ่กิ่งก้านสาขาอย่างรวดเร็ว ส่วนเรื่องการจับกุมและขยายผลเพิ่มเติมนั้น ทาง บช.ปส. กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ร่วมมือกันทำงานในการจับกุมปราบปรามขบวนการยาเสพติดอย่างเป็นระบบ คือ หลังจากที่ บช.ปส. จับกุมผู้ต้องหาได้ ทางดีเอสไอจะเข้ามาร่วมตรวจสอบเส้นทางการเงิน และปปง.จะตรวจสอบทรัพย์สินและการฟอกเงิน ทำให้การทลายเครือข่ายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าวต่อว่า คดีที่ 2 จับกุม น.ส.นุสรา ชำกรม อายุ 26 ปี สัญชาติไทย นายฟรานเซส เรมิเกียส โอเคนวา ชาวไนจีเรีย พร้อมโคคาอีนน้ำหนัก 1.8 กิโลกรัม โดยจับกุมนางสาวนุสรา ได้ที่ช่องตรวจศุลกากร (ช่องเขียว) โซนซี ชั้น 2 ห้องโถงผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ และ นายฟรานเซส สามารถจับกุมได้บริเวณข้างถนนรามคำแหง ฝั่งตรงข้ามห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี แขวงและเขตมีนบุรี ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันสืบสวนเครือข่ายลักลอบลำเลียงยาเสพติดชาวแอฟริกันตะวันตก จะลักลอบนำยาเสพติดจากอเมริกาใต้ ผ่านตะวันออกกลางเข้าสู่ประเทศไทย ในวันที่ 27 ตุลาคม โดยผู้ต้องสงสัยคือ น.ส.นุสรา จึงเฝ้าติดตามจนกระทั่งหญิงคนดังกล่าวผ่านการตรวจลงตราของระบบตรวจคนเข้าเมือง เดินเข้าช่องตรวจศุลกากรไม่มีของต้องสำแดง (ช่องเขียว) เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นจับกุม ตรวจสอบสัมภาระด้วยเครื่องเอกซเรย์ พบสิ่งผิดปกติอยู่ภายในกระเป๋าสัมภาระแบบเป้สะพาย พบช่องลับกระเป๋ามีห่อยาเสพติดประเภทโคคาอีน จึงจับกุม จากนั้นได้ขยายผลจับกุมนายฟรานเซส เรมิเกียส โอเคนวา ไม่พบหนังสือเดินทาง เบื้องต้นทั้ง 2 รับสารภาพว่ายาเป็นของตนจริง

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าวต่อว่า คดีที่ 3 จับกุมนายสุริยา สาสนธิ น.ส.เทวา บรรไพร อายุ 43 ปี นายชาญวิทย์ เกษมสิน อายุ 42 ปี นายวัชราวุฒิ โคตคำ อายุ 29 ปี น.ส.ธันยชนก ผายม อายุ 29 ปี นางนิ่มนวล สมเทพ อายุ 32 ปี นายสันทัด ฉายาฤทธิ์ อายุ 25 ปี และนายจักรกริช สุขพ่วง อายุ 25 ปี พร้อมกัญชา 199.9 กิโลกรัม ยาบ้า 187 เม็ด รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีเทา และโทรศัพท์มือถือ 10 เครื่อง ได้ที่สถานีบริการน้ำมัน PT เลขที่ 123 หมู่ 4 บ้านหนองหญ้าปล้อง ต.บ่อใหญ่ อ.บรบือ จ.มหาสารคาม และสถานีบริการน้ำมัน ปตท. เลขที่ 778 หมู่ 1 ถนนแจ้งสนิท ต.บรบือ ทั้งนี้ผู้ต้องหาขนยาเสพติดตามสั่งการของนายทุนในพื้นที่ อ.ท่าอุเทน เพื่อไปส่งมอบให้ลูกค้าในภาคตะวันออก

Advertisement

พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติกล่าวด้วยว่า คดีที่ 4 จับกุมนายเคนเนท ชิโบเก พรินซ์ สัญชาติไนจีเรีย พร้อมโคคาอีน 950 กรัม เงินสด 270,000 บาท รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า แจ๊ซ ทะเบียน ฌฐ 3700 กรุงเทพมหานคร หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติดผ่านท่าอากาศยาน ร่วมกันสืบสวนเครือข่ายผู้ลักลอบลำเลียงยาเสพติด โดยเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม เจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจสินค้าเร่งด่วนส่งมาจากประเทศเปรู ผ่านบริษัทขนส่งสินค้า พบเป็นโคเคนซุกซ่อนอยู่ในภาชนะอะลูมิเนียมทรงกระบอกหุ้มหนัง 3 ชิ้น น้ำหนัก 950 กรัม ปลายทางพัทยาใต้ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จึงร่วมกันขยายผล พบชายต่างชาติผิวสีขับรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า แจ๊ซ สีขาว ทะเบียน ฌฐ 3700 กรุงเทพมหานคร เข้ามาในโรงแรม นำพัสดุไปฝากไว้กับโรงแรม เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจสอบ พบโทรศัพท์ของกลางที่ใช้ติดต่อกับเจ้าหน้าที่ส่งพัสดุและเงินสดในกระเป๋า นำส่งพนักงานสอบสวน บก.ปส.1 บช.ปส. ดำเนินคดีต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image