เปิดผลดีเอสไอ จับเท็จ “ครูอ๋อง” เล่าละเอียดแผนปั้นแพะ คดีครูจอมทรัพย์ สุดท้ายบอกสำนึกผิด

รายงานข่าวแจ้งว่า ดีเอสไอได้ส่งผลการตรวจจับเท็จ นายสับ วาปี นายสุริยา นวนเจริญ หรือครูอ๋อง และนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร ไปยังรองปลัดกระทรวงยุติธรรม เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากที่นำตัวทั้ง 3 คน มาเข้ากระบวนการช่วงวันที่ 2-3 ก.พ.2560 ดีเอสไอได้นำบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีครูจอมทรัพย์ มาเข้าสู่กระบวนการจับเท็จ ซึ่งเป็นการตรวจวัดการเปลี่ยนแปลงปฏิกิริยาตอบสนองทางสรีรวิทยา (Significant Physiological Responses) ด้วยเครื่องจับเท็จ ประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก คือ  (1) อัตราการหายใจ (Respiratory Rate) (2) ความดันโลหิตและอัตราการเต้นของชีพจร (Blood Pressure & Pulse Rate) และ (3) ความต้านทานกระแสไฟฟ้าของผิวหนังหรือการทำงานของระบบเหงื่อ (Galvanic Skin Resistance) ซึ่งผลการจับเท็จของนายสับ วาปี  ปรากฏว่า พบปฏิกิริยาตอบสนองทางสรีรวิทยาที่สำคัญซึ่งบ่งชี้ว่าคำตอบเป็นเท็จ (Deception Indicated : DI)  และผลจากการซักถามหลังการจับเท็จ นายสับได้ยอมรับสารภาพช่วงที่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอซักถามเกี่ยวกับรถยนต์ทะเบียน บค 56 มุกดาหาร ของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ โดยนายสับรับสารภาพ ความจริงว่า ตามวันเวลา เกิดเหตุ ตนไม่ได้เป็นคนขับรถชนจักรยานในคดีนี้ และไม่ได้เดินทางไปสถานที่เกิดเหตุ อำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม แต่อย่างใด เนื่องจากในวันเวลาเกิดหตุนั้นตนเองอยู่ในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร แต่มีนายผู้ว่าจ้างให้ออกมารับสารภาพผิดแทนนางจอมทรัพย์ ด้วยเงิน 500,000 บาท

สารภาพจ้างติดคุก 5 แสนบาท

สำหรับผลการจับเท็จนายสุริยา ปรากฏว่า พบปฏิกิริยาตอบสนองทางสรีรวิทยาที่สำคัญซึ่งบ่งชี้ว่าคำตอบเป็นเท็จ ส่วนผลการซักถามหลังการจับเท็จ ปรากฏว่าในช่วงแรกของการซักถาม นายสุริยายังคงปฏิเสธว่าตนเองไม่ได้เป็นคนจัดหาหรือว่าจ้างคนมารับผิดแทนครูจอมทรัพย์ ในคดีขับรถยนต์ชนจักรยานเป็นเหตุให้นายเหลือ พ่อบำรุง เสียชีวิตที่อำเภอเรณูนคร เมื่อปี พ.ศ.2548  แต่หลังจากที่ผู้ทำการจับเท็จได้แจ้งให้ทราบถึงผลการตรวจวัดปฏิกิริยาตอบสนองทางสรีรวิทยาของร่างกายในขณะที่นายสุริยาตอบคำถาม ซึ่งพบปฏิกิริยาสำคัญที่บ่งชี้ว่า “คำตอบเป็นเท็จ” และได้ทำการซักถามรายละเอียดเพิ่มเติมจนทำให้ นายสุริยา ยอมรับสารภาพว่า ได้ตกลงว่าจ้างนายสับ ด้วยเงินจำนวน 500,000 บาท เพื่อให้นายสับรับสารภาพว่าเป็นคนขับรถชนคนตายในคดีนี้แทนนางจอมทรัพย์ โดยมีเงื่อนไขว่าจะจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้เมื่อศาลรับฟ้องหรือรื้อฟื้นคดีอาญาสำเร็จ

สุริยาซี้ปึ้กครูจอมทรัพย์

ซึ่งนายสุริยาได้เล่ารายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ ได้อธิบายถึงความสัมพันธ์กับนางจอมทรัพย์ ว่าเป็นเพื่อนที่จบการศึกษาจากโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์ เช่นเดียวกัน นายสุริยา จบจากโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์จังหวัดร้อยเอ็ด ส่วนนางจอมทรัพย์ จบจากโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์จังหวัดสกลนคร  หลังจากจบจากโรงเรียนศึกษาสงเคราะห์แล้ว ทั้ง 2 คนได้รู้จักกันเนื่องจากได้รับสิทธิให้ไปเรียนต่อที่วิทยาลัยครูบ้านจอมบึงเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำ จึงทำให้ทั้งสองคนเป็นเพื่อนที่สนิทสนมกันอย่างมาก และหลังจากที่ทั้ง 2 คนจบการศึกษาระดับปริญญาตรีแล้วยังได้บรรจุเป็นข้าราชการครูอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน จึงมีการติดต่อไปมาหาสู่และนัดเลี้ยงสังสรรค์กันอยู่เสมอ

ส่วนสาเหตุที่นายสุริยา เข้ามาเกี่ยวข้องกับในคดีเนื่องจากหลังจากที่ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกนางจอมทรัพย์ 3 ปี 2 เดือน ในคดีดังกล่าว  เมื่อปี พ.ศ2548 นางจอมทรัพย์ได้มาปรึกษาเรื่องการต่อสู้คดีดังกล่าว และยืนยันว่าตนเองไม่ได้เป็นคนขับรถชนคนตายในคดีนี้ และแจ้งว่าก่อนหน้านี้ได้เคยไปตรวจสอบที่สำนักงานขนส่งจังหวัดสกลนครเกี่ยวกับข้อมูลรถยนต์กระบะ หมายเลขทะเบียน บค 56 ในพื้นที่จังหวัดสกลนครและใกล้เคียง พบว่ามีจำนวนหลายคัน แต่มีรถที่น่าสงสัย คือ รถกระบะยี่ห้ออีซูซู สีเขียว ทะเบียน บค 56 มุกดาหาร ซึ่งมีชื่อ นายสับ วาปี เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์รถทะเบียนดังกล่าว เนื่องจากเป็นรถยนต์กระบะสีเขียว ซึ่งตรงกับหลักฐานที่พบสีเขียวติดอยู่บนรถจักรยานของผู้ตาย

Advertisement

แจงแผนปฏิบัติการครูแพะ

หลังจากนั้นนายสุริยา และนางจอมทรัพย์ ได้ไปตรวจสอบหลักฐานของรถยนต์ทะเบียน บค 56 มุกดาหาร เพิ่มเติมที่สำนักงานขนส่งจังหวัดมุกดาหาร จึงพบว่าไม่มีการต่อภาษีทะเบียนรถมาแล้ว 3 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2548-2551 และยังพบว่าคนที่ต่อทะเบียนครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2548 คือ นายสับ วาปี จึงทำให้นายสุริยา เชื่อว่านายสับน่าจะเป็นคนขับรถชนคนตายในคดีนี้จริง ประกอบกับรถของนางจอมทรัพย์ (โตโยต้า บค 56 สกลนคร) ไม่มีร่องรอยเฉี่ยวชน และมีพยานในที่เกิดเหตุยืนยันว่าคนที่ขับรถชนเป็นผู้ชาย อีกทั้งนางจอมทรัพย์ เป็นเพื่อนสนิทจึงไม่น่าจะพูดโกหกกับตนเอง ประกอบกับไม่มีเหตุผลและความจำเป็นที่นางจอมทรัพย์ จะเดินทางไปยังบริเวณที่เกิดเหตุในวันเวลาดังกล่าว

ต่อมาทั้งสองคนได้ไปขอตรวจสอบข้อมูลทะเบียนราษฎร์ที่ที่ว่าการอำเภอจนทราบชื่อ ที่อยู่ และรูปถ่ายของนายสับ วาปี จนกระทั่งเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2552 ศาลอุทธรณ์ได้พิพากษายกฟ้อง จึงไม่ได้ติดตามข้อมูลดังกล่าวเพิ่มเติมอีก เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2556 ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ทำให้นางจอมทรัพย์ ต้องถูกคุมขังในเรือนจำตามคำพิพากษา นางจอมทรัพย์จึงได้ขอความช่วยเหลือจากนายสุริยา ให้ช่วยติดตามสืบหาข้อมูลคดีนี้แทน นายสุริยา จึงได้เริ่มกลับไปสืบหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับนายสับ เจ้าของรถทะเบียน บค 56 มุกดาหาร อีกครั้ง ซึ่งในขณะนั้นนายสุริยา เชื่อว่าน่าจะเป็นคนขับรถชนคนตายในคดีนี้   นายสุริยาได้ให้นายวิจิตรหรือนายเพื่อน คำลือไชย  ซึ่งเป็นเพื่อนของนายสุริยาเคยคิดต่อซื้อขายไม้กัน และเป็นญาติสนิทของนายสับ ได้เข้าไปสอบถามนายสับ เกี่ยวกับคดีดังกล่าว ต่อมานายวิจิตรได้มาบอกกับนายสุริยาว่า นายสับยอมรับสารภาพแล้วว่าเป็นคนขับรถชนในคดีนี้จริง นายสุริยาจึงขอร้องให้นายวิจิตร ช่วยพูดเกลี้ยกล่อมให้นายสับออกมายอมรับสารภาพ โดยจะมีค่าจ้างให้กับนายวิจิตรจำนวน 100,000 บาท แต่มีเงื่อนไขว่าจะจ่ายให้เมื่อคดีเสร็จสิ้นแล้ว

ขอคำปรึกษาคดีอดีต ส.ว.

ช่วงประมาณปลายปี พ.ศ.2556 นายวิจิตรได้นัดนายสับและนายสุริยามาเจรจาตกลงกันที่บ้านของ พ.ต.ท…..อดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดมุกดาหาร ซึ่งมีความสนิทสนมกับนายวิจิตรพื่อเป็นคนกลางในการเจรจาตกลงและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินคดีในการเจรจาตกลงครั้งนั้น นายวิจิตรได้ขอเพิ่มค่าจ้างเป็นเงิน 300,000 บาท ซึ่งเป็นยอดรวมที่ต้องจ่ายให้ทั้งนายสับ และนายวิจิตร  แต่ในวันดังกล่าวนายสุริยา มีเงินสดของตนเองเพียง 100,000 บาท และไม่สามารถรวบรวมเงินส่วนที่เหลือจากเพื่อนครูที่มาในวันดังกล่าวได้ จึงมีเงินไม่พอจ่ายให้กับนายวิจิตร และนายสับ จึงทำให้ในวันดังกล่าวไม่สามารถตกลงกันได้

Advertisement

ทั้งนี้ อดีต ส.ว.คนดังกล่าว  ได้ให้คำแนะนำว่าควรจะไปเจรจาตกลงเรื่องเงินชดใช้ค่าเสียหายกับทางญาติผู้ตายให้เรียบร้อยก่อน เพื่อจะได้รู้ยอดเงินค่าใช้จ่ายทั้งหมด นายสุริยาจึงได้ไปเจรจาตกลงกับทางญาติของผู้ตาย และได้เรียกร้องเงินค่าเสียหายเป็นเงิน 150,000 บาท โดยจะให้เพื่อนครูช่วยกันรวบรวมเงินดังกล่าวมาจ่ายให้กับญาติผู้ตาย และส่วนที่จะต้องจ่ายให้นายวิจิตรและนายสับ อีกจำนวน 300,000 บาท นั้น นายสุริยารับปากว่าจะเป็นคนหามาให้เอง แต่จะจ่ายให้หลังจากคดีเสร็จเรียบร้อยแล้ว ต่อมาจึงได้นัดหมายกันว่าในวันที่ 2 ธันวาคม 2556 จะไปลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเรณูนคร จังหวัดนครพนม พอถึงวันนัดหมายดังกล่าว นายสับกลับไม่ยอมไปและปฏิเสธว่าตนเองไม่ได้เป็นคนขับรถชนในคดีนี้

ติดค้างหนี้บุญคุณ-รับผิดแทน

จานั้นนายสับได้พานายสุริยา ไปหานายนิรันดร์  อดีตผู้ใหญ่บ้านนันทวัน  ซึ่งเป็นญาติฝ่ายภรรยาของนายสับ เพื่อสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับรถยนต์ทะเบียน บค 56 มุกดาหาร แต่นายนิรันดร์ จำไม่ได้ว่าซื้อมาจากนายสับ เมื่อใด แต่ได้ขายต่อให้กับคนซื้อขายของเก่าชื่อว่านายอุบล ไชยบัน ไปนานแล้ว ต่อมานายสุริยา และนายสับ  ได้ติดตามไปที่บ้านนายอุบล  จึงทราบจากนายอุบลว่า ได้ซื้อรถดังกล่าวมาจากนายนิรันดร์จริง แต่จำไม่ได้ว่าซื้อมาเมื่อปีใดโดยรถมีสภาพเก่ามากและใช้งานไม่ได้ จึงต้องใช้รถลากมา ต่อมาจึงได้นำเครื่องยนต์รถไถ  มาใส่แทนเครื่องยนต์เดิมเพื่อให้สามารถพอใช้งานได้

นายสุริยายังมีความมั่นใจว่านางจอมทรัพย์  ไม่ได้เป็นคนขับรถชนคนตายในคดีนี้ จึงได้ให้นายเสน่ห์  เพื่อนครูที่เคยสอนหนังสืออยู่ในพื้นที่หมู่บ้านของนายสับมานาน และสนิทสนมกับนายสับ  ช่วยพูดเกลี้ยกล่อมให้นายสับยอมรับสารภาพผิดแทนครูจอมทรัพย์  ในระหว่างที่มีการพูดเกลี้ยกล่อมนั้น นายสุริยาได้ให้ความช่วยเหลือนายสับหลายเรื่อง โดยเฉพาะในปี พ.ศ.2548 เป็นช่วงที่นายสับ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวดำเนินคดีข้อหาค้าไม้โดยผิดกฎหมาย นายสุริยาได้ช่วยเหลือเงินค่าจ้างทนายความเป็นเงิน 10,000 กว่าบาท นอกจากนั้นนายสุริยายังช่วยจ่ายหนี้ที่นายสับค้างค่าผ่อนงวดรถไถอีกเป็นเงิน 60,000 บาท การที่นายสุริยาได้ให้เงินช่วยเหลือนายสับดังกล่าว จึงทำให้นายสับเกิดความรู้สึกใจอ่อนและยอมช่วยรับสารภาพผิดแทนนางจอมทรัพย์ แต่นายวิจิตรและนายสับได้ขอเพิ่มเงินค่าจ้างเป็นเงิน 500,000 บาท นายสุริยาได้ตกลงจะจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้ แต่จะจ่ายหลังจากที่สามารถรื้อพื้นคดีอาญาได้แล้ว

ครูอ๋องเสียใจเดินทางผิด

อย่างไรก็ตาม นายสับยังมีความรู้สึกกลัวว่าจะต้องติดคุก นายสุริยา จึงได้ว่าจ้างให้นายประเสริฐหรือเสริฐ ซึ่งเป็นลูกน้องที่ช่วยงานเลื่อยไม้ มาเป็นคนขับรถชนคนตายในคดีนี้แทนนายสับ  โดยสร้างเรื่องขึ้นว่า ให้นายเสริฐ เป็นคนซื้อรถมาจากนายสับ และขับรถไปชนคนตายในคดีนี้ โดยนายสุริยา  ได้จ่ายค่าจ้างให้กับนายเสริฐ  เป็นเงินจำนวน 20,000 บาท พร้อมกับยกรถจักรยานยนต์ที่ใช้ทำงานให้อีก 1 คัน ต่อมาจึงได้พานายสับ และนายเสริฐไปที่สถานีตำรวจภูธรนาโคน จังหวัดนครพนม เพื่อลงบันทึกประจำวันเรื่องดังกล่าวไว้เป็นหลักฐาน แต่ระหว่างที่ พ.ต.ท.อดิศักดิ์ ชมศรีหาราช พนักงานสอบสวนฯ กำลังพิมพ์บันทึกอยู่นั้น

นายสุริยาได้บอกกับ พ.ต.ท.อดิศักดิ์ ว่านายสับเป็นคนที่กระทำผิดตัวจริง แต่นายสับเกิดความกลัวและไม่ยอมมาลงบันทึกประจำวันเพื่อรับสารภาพ จึงได้ให้นายเสริฐเป็นคนมาลงบันทึกประจำวันเพื่อรับผิดแทน เมื่อ พ.ต.ท.อดิศักดิ์ ทราบเรื่องดังกล่าวจึงไม่ยอมลงบันทึกประจำวันดังกล่าวให้ ทั้งหมดจึงได้แยกย้ายกันไป

จากนั้นเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2557 นายสุริยาได้พานายสับเข้าพบกับ พ.ต.ท.อดิศักดิ์ ชมศรีหาราช พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรนายโคน จังหวัดนครพนม อีกครั้ง และได้ลงบันทึกประจำวันเป็นหลักฐานเพื่อแสดงว่านายสับ ได้ยอมรับสารภาพด้วยตนเองว่าเป็นคนขับรถชนคนตายในคดีนี้   ส่วนเรื่องที่ญาติผู้ตายได้ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งกับนางจอมทรัพย์เป็นเงิน 170,000 บาท นั้น นายสุริยา เห็นว่าเป็นเงินที่ต้องชดใช้ให้ฝ่ายผู้ตายอยู่แล้ว ดังนั้น เพื่อให้เกิดประโยชน์ในทางคดี เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2557 นายสุริยาจึงได้นำเงินของตนเองจำนวน 170,000 บาท ให้กับนายสับ นำมายื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนครพนมเข้ามาเป็นผู้ชำระเงินค่าเสียหายและค่าสินไหมทดแทนแทนนางจอมทรัพย์ เพื่อใช้เป็นเหตุบรรเทาโทษให้กับนายสับ เมื่อต้องถูกดำเนินคดี

สำหรับเรื่องที่นายสุริยาได้ไปสอบถามนายโอดหรือนายเวช เจ้าของอู่ อ.เจริญยนต์ ซึ่งได้ให้ข้อมูลว่านายสับ เคยนำรถยนต์กระบะมาซ่อมที่อู่ หลังเกิดเหตุนั้น  เป็นเรื่องเข้าใจผิด ความเป็นจริงนั้นนายสับ  วาปี ไม่เคยนำรถไปซ่อมที่อู่ดังกล่าวแต่อย่างใด แต่เนื่องจากมีคนซึ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านใกล้เคียงกัน ชื่อว่า “สับ” เหมือนกัน แต่ไม่ใช่นายสับ วาปี  ได้เคยนำรถมาซ่อมที่อู่ดังกล่าว  จึงทำให้นายโอดหรือนายเวช เจ้าของอู่ เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นคนเดียวกัน

ต่อมาภายหลังนายโอด ได้เห็นหน้าของนายสับ วาปี จึงทราบว่าเป็นคนละคนกัน เหตุการณ์ดังกล่าวจึงทำให้นายสุริยาเชื่อว่านายสับ ไม่ใช่คนขับรถชนคนตายในครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม ในช่วงสุดท้ายของการซักถาม นายสุริยาได้กล่าวว่า ตนเองรู้สึกสำนึกผิดที่ได้ใช้วิธีการที่ไม่ถูกต้องในการไปจัดหาและตกลงว่าจ้างนายสับ วาปี มารับสารภาพผิดแทนนางจอมทรัพย์ เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการรื้อฟื้นคดีอาญา ทั้งๆ ที่ในภายหลังได้รู้ความจริงว่านายสับไม่ใช่คนขับรถชนคนตายในคดีนี้

 

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image