‘ทนายวิญญัติ’ฮึ่ม!ฟ้อง’อธิบดีอัยการคดีพิเศษ’ หากไม่ฟ้องแกนนำกปปส.คดีกบฏภายใน16ธ.ค.

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 12 ธันวาคม ที่ห้องพิพิธภัณฑ์อัยการ ชั้น 11 สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก นายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฎหมายเพื่อสิทธิและเสรีภาพ (สกสส.) ยื่นหนังสือต่อนายวงศ์สกุล กิตติพรหมวงศ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษ เพื่อแจ้งเตือนให้ส่งตัวผู้ต้องหาในสำนวนคดีพิเศษที่ 261/2556 หรือคดีร่วมกันเป็นกบฏในการชุมนุมของกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข(กปปส.) เพื่อฟ้องคดี และระงับการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ โดยมีนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นตัวแทนรับเรื่อง

นายวิญญัติ กล่าวว่า ตามที่ยื่นหนังสือเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน2560 ขอให้อัยการเร่งพิจารณาสั่งฟ้องผู้ต้องหาตามความเห็นของคณะทำงานอัยการพิจารณาสำนวนตามที่อดีตอธิบดีอัยการ สำนักงานอัยการคดีพิเศษ มีความเห็นสั่งฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กับพวกรวม 51 คน และทราบว่ามีการตั้งคณะทำงานเพื่อดำเนินการพิจารณาคดีดังกล่าวข้างต้นในวันเดียวกัน ทั้งที่อัยการสูงสุดในฐานะผู้บังคับบัญชามีคำสั่งและบันทึกสั่งการเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2560 แล้ว แต่กลับไม่เร่งดำเนินการโดยปล่อยให้ระยะเวลาล่วงเลยมาถึง 30 วัน เพิ่งดำเนินการตั้งคณะทำงานดังกล่าว จึงขอให้เร่งพิจารณาสั่งฟ้องผู้ต้องหาภายในวันที่16ธันวาคม2560 ไม่เช่นนั้นจะดำเนินการตามกฎหมายโดยอาจจะยื่นฟ้องอธิบดีอัยการคดีพิเศษต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง

Advertisement

นายวิญญัติ กล่าวต่อว่า ทราบจากข่าวว่าคณะทำงานมีมติเห็นควรนำตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องในข้อหากบฏ ก่อการร้าย และข้อหาอื่นๆ แต่ปรากฏว่าอธิบดีอัยการคดีพิเศษปฏิเสธข่าวดังกล่าว โดยตนเห็นว่าตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ.2547 ข้อ 6 (หลักการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ) วรรค 4 ระบุว่า ผู้บังคับบัญชาอาจเรียกสำนวนคดีที่อยู่ในเขตอำนาจมาตรวจสอบพิจารณาและดำเนินคดีเสียเอง หรือจะมอบหมายให้พนักงานอัยการคนใดดำเนินคดีแทนก็ได้ และในกรณีที่เห็นควรกลับความเห็นหรือกลับคำสั่งเดิมให้เสนอตามลำดับชั้นจนถึงอธิบดีเพื่อพิจารณาสั่ง เว้นแต่ความเห็นหรือคำสั่งเดิมนั้นเป็นของอธิบดีให้เสนออัยการสูงสุดหรือรองอัยการสูงสุดผู้ได้รับมอบหมายเพื่อพิจารณาสั่ง คดีนี้ปรากฏข้อเท็จจริงคือ นายนันทศักดิ์ พูลสุข อดีตอธิบดีอัยการ สำนักงานอัยการคดีพิเศษ และคณะทำงาน มีความเห็นและคำสั่งเดิมสั่งคดีไว้แล้วว่า สรุปสำนวนสมควรสั่งฟ้องแกนนำ กปปส. รวม 51 คน ตามคำแถลงข่าวเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2557 อีกทั้งบันทึกความเห็นและคำสั่งของนายเข็มชัย ชุติวงศ์ อัยการสูงสุด เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2560 ที่ยกเลิกคณะทำงานอัยการตามคำสั่งอดีตอัยการสูงสุด และส่งสำนวนการสอบสวนคดีนี้คืนสำนักงานคดีพิเศษเพื่อปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่

นายวิญญัติ กล่าวต่อว่า ข้อเท็จจริงดังกล่าว อธิบดีอัยการคดีพิเศษย่อมไม่มีอำนาจดำเนินการใดๆที่ขัดต่อระเบียบได้ เพราะการที่จะกลับความเห็นหรือกลับคำสั่งเดิมของนายนันทศักดิ์ อดีตอธิบดีอัยการคดีพิเศษ ที่ได้มีคำสั่งไว้แล้วจะต้องเป็นอำนาจของอัยการสูงสุดเท่านั้น การจะกลับความเห็นหรือคำสั่งเดิมในข้อหาร่วมกันเป็นกบฏจะกระทำมิได้ ประกอบกับมีการฟ้องคดีกับผู้ต้องหา 4 ราย เป็นจำเลยที่ศาลอาญาแล้ว ทั้งระยะเวลาล่วงเลยมากว่า 3 ปี 6 เดือน แต่ยังไม่มีการนำตัวผู้ต้องหาที่เหลือทั้งหมดฟ้องต่อศาล มีผลกระทบต่อภาพลักษณ์การทำหน้าที่แน่นอน ในฐานะที่ตนเป็นผู้ร่วมกล่าวหากลุ่มแกนนำ กปปส. ที่ผ่านมามีการยื่นหนังสือตลอดเวลาเพื่อทวงถามเร่งรัดไปยังอัยการผู้ทำหน้าที่ ทราบข่าวว่านายเข็มชัยมีคำสั่งยกเลิกคณะทำงาน ตนเห็นว่าเป็นพฤติการณ์ที่อาจเป็นการประวิงคดีหรือไม่ เราจำเป็นต้องตรวจสอบและแจ้งเตือนอธิบดีในฐานะผู้รับสำนวนคืนกลับมาให้รีบนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 51 ราย ส่งฟ้องต่อศาลโดยเร็ว เป็นการทำหน้าที่ตามปกติอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 16 ธันวาคมนี้ จะครบกำหนดตามหนังสือที่ยื่นไว้เดิม หากไม่มีความคืบหน้าใดๆ จะใช้ช่องทางตามกฎหมายกล่าวโทษหรือฟ้องศาลต่อไป

“การใช้อำนาจเพื่อผดุงความเป็นธรรมส่งฟ้องผู้ต้องหาตามมติของคณะทำงานเดิม ง่ายยิ่งกว่าการคิดหาวิธีเลี่ยงหรือประวิงคดีเสียอีก มาวันนี้ด้วยความปรารถนาดีต่อองค์กรอัยการ อันนี้กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา” นายวิญญัติ กล่าว

Advertisement

ด้าน นายประยุทธ กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และได้รับการประสานจากนายวงศ์สกุล ให้มารับหนังสือ ขอเรียนว่าคดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะทำงาน ตามที่มีหนังสือร้องเรียนมา และยืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่การประวิงคดีแต่อย่างใด เพราะคดีนี้มีการฟ้องคดีในส่วนของผู้ต้องหาบางรายไปแล้ว แต่เนื่องจากผู้ต้องหาได้ร้องขอความเป็นธรรมและคดีนี้ผู้ต้องหามีจำนวนมาก ส่วนรายละเอียดในเนื้อหาที่คณะทำงานพิจารณานั้น คงไม่สามารถเข้าไปก้าวล่วงได้ สำหรับวันที่ 15 ธันวาคมนี้ เป็นวันตรงกำหนดนัดที่ผู้ต้องหาต้องมารายงานตัว ส่วนหนังสือร้องเรียนจะรับไว้เพื่อส่งให้อธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษและคดีทำงานเพื่อจะได้รวมประกอบการพิจารณาสั่งคดีต่อไป

ต่อมา นายวงศ์สกุล กล่าวว่า ทุกคนมีสิทธิมายื่นคำร้องได้ในฐานะประชาชน เราจะพิจารณาตามอำนาจหน้าที่ ในฐานะผู้ทำงานตรงนี้ไม่คิดว่าเป็นการกดดันเเต่อย่างใด สำหรับในวันที่ 15 ธันวาคมนี้ เป็นการนัดผู้ต้องหามาเพื่อรายงานตัวหรือฟังคำสั่งตามปกติทั่วไป ส่วนจะมีการสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องผู้ต้องหาในวันดังกล่าวหรือไม่ ขณะนี้ยังบอกไม่ได้ เนื่องจากยังไม่ได้รับรายงานจากคณะทำงาน ในระยะเวลาจากนี้คณะทำงานอาจรายงานมาก็ได้ ตนคงจะต้องใช้ระยะเวลาในการพิจารณา ส่วนเรื่องที่มีอำนาจในการสั่งคดีหรือไม่นั้น จะต้องดูความเห็นของคณะทำงานว่าจะเสนออย่างไร และดูเหตุผลประกอบว่าอยู่ในอำนาจของใคร เนื่องจากอัยการมีกรอบในการทำงาน การทำงานในแต่ละคดีทุกเรื่องเราต้องเร่งรัด เพราะมีระเบียบอยู่ อัยการต้องทำงานให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ แต่ในบางคดีมีผู้ต้องหาและการยื่นร้องขอความเป็นธรรมเข้ามาจำนวนมาก เราก็ต้องรับฟัง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image