ย้ายผิดตัว! ผบ.ตร. ยอมรับเด้ง ‘รองผบช.ภ.2’ ตามบัญชีผู้มีอิทธิพล แต่ตรวจสอบแล้วไม่ใช่คนนี้

พล.ต.ต.สุรพล วิรัตน์โยสินทร์ และพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา

เมื่อวันที่ 21 มีนาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีมีคำสั่งให้ พล.ต.ต.สุรพล วิรัตน์โยสินทร์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2(รองผบช.ภ.2) ช่วยราชการศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ศปก.ตร.) ตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม ที่ผ่านมา ว่า มีชื่อ พล.ต.ต.สุรพล ในบัญชีรายชื่อผู้มีอิทธิพลของคสช. แต่ไม่ใช่ตรงๆ ชื่อถูก แต่นามสกุลผิด

“พอมีชื่อมาก็สำรวจว่าน่าจะเป็นใคร จึงเรียกมาช่วยราชการตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้เรียกพี่สุรพลมาคุยแล้ว ภายในสัปดาห์นี้จะออกคำสั่งส่งตัวกลับระหว่างนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบให้ครบกระบวนการ ตรวจสอบแล้วพบว่าชื่อตรง แต่นามสกุลผิดไป นามสกุลที่ส่งมาพ้องๆ คล้ายๆ ถูกแค่ครึ่งหนึ่ง พอมีชื่อมา ผมย้ายมา จากนั้นตรวจสอบ ข้อมูลอ้างว่าอยู่ทางตำรวจภูธรภาค 4 ผมก็ตรวจสอบไปที่ภาค 4 แล้ว ทางภาค 4 ตอบมาแล้วว่าไม่มี ถามไปที่ภาค 2 ถามไปที่ฝ่ายกำลังพล ก็ไม่ปรากฎชื่อ นามสกุลที่ว่าอย่างตรงตัว ผมจำไม่ได้ว่าเป็นความผิดฐานอะไร” ผบ.ตร.กล่าวและว่า ข้อมูลที่คสช.ส่งมา ระบุว่ามีนายตำรวจชื่อ พล.ต.ต.สุรพล เกี่ยวข้องเป็นผู้มีอิทธิพล แต่ตรวจสอบภายในตร.แล้ว ไม่มีชื่อ-สกุลตามนั้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องตรวจสอบอีก ให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย ทุกคนที่มีชื่อ เรากำลังตรวจสอบอยู่ จากนี้จะต้องทำเรื่องส่งต่อไปยังศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพลของคสช.ว่าตรวจสอบแล้วไม่ใช่กรณีของพล.ต.ต.สุรพล เป็นเรื่องผิดตัว

เมื่อถามว่า สังคมอาจคลางแคลงใจที่ย้ายแล้วย้ายกลับ ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่เกี่ยวเลย ถ้าย้ายมาแล้วไม่เกี่ยวก็ย้ายกลับ ระดับกองบัญชาการก็เช่นกันหากมีรายชื่อ ย้ายเข้ากองบัญชาการ เมื่อตรวจสอบแล้วไม่ใช่ ไม่มีมูลก็ย้ายกลับ

เมื่อถามว่า ผบ.ตร.ลงนามย้าย ทั้งที่ผิดตัวจะถูกมองว่า ผบ.ตร.ผิดพลาด ไม่ได้ตรวจสอบให้ชัดเจน หรือไม่ พล.ต.อ.จักรทิพย์กล่าวว่า ไม่เสียหรอก ตนเป็นคนสั่งทั้งหมด ก็ต้องรับผิดชอบ หากจะมีการฟ้องร้องที่ออกคำสั่งก็ต้องฟ้องร้องตน ในฐานะคนลงนามคำสั่ง เมื่ออกคำสั่งไปแล้วก็ทบทวนโดยการตรวจสอบไปยังกองบัญชาการต่างๆ เมื่อข้อมูลไม่ถูกต้องก็ย้ายกลับ ข้อมูลที่ม พบว่าเออเร่อบ้าง บางคนเสียชีวิต บางคนอยู่ในคุกแล้ว เมื่อตรวจสอบแล้วไม่ใช่ ตนก็ให้ความเป็นธรรม แต่หากส่วนใดไปเกี่ยวข้องก็ดำเนินการตามข้อเท็จจริง จากการเชิญมาพูดคุย พล.ต.ต.สุรพล ก็เข้าใจ ว่าการทำงานเป็นอย่างนี้

Advertisement

เมื่อถามว่า เสียใจหรือไม่กับการลงนามย้ายผิดตัว ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับการเสียใจ ตนมีอำนาจหน้าที่ ออกคำสั่งตามอำนาจ ไม่ใช่การกลั่นแกล้ง จะเสียใจเรื่องอะไร เขาบอกแล้วตำรวจต้องอดทนต่อความเจ็บใจ ไม่หวั่นไหวต่อความยากลำบาก จะเสียใจทำไม หากจะฟ้องร้องก็มาฟ้องร้องที่ตน ตนพูดเคลียร์ทุกประเด็น

ผู้สื่อข่าวถามว่า อาจถูกมองว่ามีการวิ่งเต้น มีคำสั่งจากผู้ใหญ่ให้ย้ายกลับ ผบ.ตร.กล่าวว่า ไม่มีหรอก จะวิ่งเต้นอย่างไร ผู้มีอิทธิพลตนไม่เอาด้วยหรอก ผู้ใหญ่คนไหนจะเข้าข้างผู้มีอิทธิพล ที่ย้ายกลับเพราะตรวจสอบตามข้อเท็จจริง เท่าที่รู้จักกันมาในฐานะที่พล.ต.ต.สุรพล รุ่นพี่(นรต.34 พล.ต.อ.จักรทิพย์ นรต.36) ก็เป็นคนใช้ได้

ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า เท่าที่ตรวจสอบดูผ่านๆ ไม่มีระดับนายพลคนอื่นแล้ว ส่วนระดับพล.ต.ท. นั้นไม่ต้องย้ายแล้ว เนื่องจากปัจจุบันมีตำแหน่งอยู่ในส่วนกลาง ไม่ได้อยู่ในพื้นที่แล้ว ได้พูดคุยกับเจ้าตัวแล้ว สำหรับกรณี พล.ต.ต.สุรพล นั้น คาดว่าเป็นข้อมูลเก่า อย่างที่ตนเคยบอกว่าข้อมูลรายชื่อผู้มีอิทธิพลที่ส่งมานั้นเป็นข้อมูลเก่าบ้าง เออเร่อบ้าง ตอนแรกพบมีตำรวจ 200 คน ก่อนหน้านี้ตรวจสอบเหลือประมาณ 100 คน แต่ล่าสุดมีไม่ถึง 100 คนแล้ว อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผบ.ตร.อยู่ระหว่างตรวจสอบ สรุป จากนั้นจะส่งไปยังศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพลของคสช. อีกครั้ง ตอนนี้การตรวจสอบค่อนข้างสมบูรณ์แล้วคาดว่าในสัปดาห์นี้จะแล้วเสร็จ

Advertisement

พล.ต.อ.จักรทิพย์ กล่าวด้วยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สั่งการให้ตรวจสอบให้เข้มงวด เพื่อความสงบสุขเรียบร้อยของประชาชน หากพบใครมีบทบาทเกี่ยวข้องก็ให้ดำเนินการ โดยเฉพาะตำรวจ เช่นเดียวกับทหาร หากพบก็ให้ดำเนินการตามกระบวนการ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image