ป.ป.ท.แจงคดีตำรวจสน.บวรมงคลรับสินบน เผย’ผู้เสียหาย-ประจักษ์พยาน’เบี้ยวสอบ4ครั้ง นัดอีก11ม.ค.นี้

จากกรณีชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมเข้าร้องเรียนประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ที่กระทรวงยุติธรรม โดยขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงและสอบวินัยร้ายแรงเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.ที่เป็นคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีตำรวจ สน.บวรมงคล เรื่องค้าสำนวนการสอบสวนและเรียกรับผลประโยชน์ โดยทุจริตต่อหน้าที่ในคดีลักพระพุทธรูปวัดภคินีนาถวรวิหาร คดี 224/2557 ที่เข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 เนื่องจากใช้ระยะเวลาทำสำนวนกว่า 2 ปีนั้น

เมื่อวันที่ 10 มกราคม พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ รองเลขาธิการฯ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ท. ชี้แจงว่า ภายหลังจากสำนักงาน ป.ป.ท.รับเรื่องจากผู้ร้องแล้ว เมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2557 สำนักงาน ป.ป.ท.ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยบันทึกถ้อยคำผู้ร้องไว้และพิจารณาพยานหลักฐานที่ผู้ร้องส่งมอบ ประกอบด้วยสำนวนการสอบสวนของพนักงานสอบสวนคดีที่ 224/2557 ภาพวงจรปิดและเอกสารหลักฐานทางการเงิน คลิปวิดีโอภาพและเสียงในการเรียกรับเงินในการค้าสำนวนคดีของพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบ กระทั่งสรุปความเห็นว่ากรณีดังกล่าวมีมูลแห่งการกระทำความผิดตามที่ผู้ร้องกล่าวอ้าง จึงเสนอเรื่องยังคณะกรรมการ ป.ป.ท.เพื่อพิจารณา และมีมติรับไว้ไต่สวนข้อเท็จจริงตามคำสั่งที่ 257/2559 ลงวันที่ 7 เมษายน 2559 โดยแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง ประกอบด้วยนายสนอง แก่นแก้ว อดีตอัยการอาวุโส เป็นประธานอนุกรรมการ และมีพนักงานเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท.ร่วมเป็นอนุกรรมการ เพื่อแสวงหาและรวบรวมพยานหลักฐานในการไต่สวนข้อเท็จจริงดังกล่าวเรื่อยมา โดยไต่สวนพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการพิสูจน์ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเรียกรับ การพิสูจน์กระแสการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคารระหว่างคู่กรณีในหลายธนาคาร การตรวจพิสูจน์พยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องเพื่อยืนยันความถูกต้องของพยานหลักฐาน

พ.ท.กรทิพย์กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ได้มีหนังสือแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ส่งมอบพยานเอกสารหลักฐานทางคดี ทั้งนี้เนื่องจากผู้ร้องมิใช่ผู้เสียหายที่แท้จริงและมิใช่ผู้ที่รู้เห็นเหตุการณ์โดยตรง หากแต่เป็นเพียงพยานบอกเล่าที่มากล่าวโทษต่อสำนักงาน ป.ป.ท. คณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงจึงจำเป็นต้องเชิญตัวผู้เสียหายที่แท้จริงและประจักษ์พยานที่อยู่ในเหตุการณ์มาไต่สวนเพื่อให้สามารถรวบรวมพยานหลักฐานได้อย่างถูกต้องครบถ้วน สมบูรณ์ โดยคณะอนุกรรมการมีหนังสือเชิญบุคคลดังกล่าวมาให้ถ้อยคำถึง 4 ครั้งแล้ว หากแต่ผู้เสียหายที่แท้จริงและประจักษ์พยานก็มิได้ส่งมอบพยานหลักฐานและมิได้เข้าพบอนุกรรมการแต่อย่างใด แต่อย่างไรก็ตามในชั้นนี้คณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงได้แสวงหาพยานหลักฐานอื่นมาประกอบการพิจารณาไว้แล้ว

อนึ่งเมื่อวันที่ 9 มกราคม 2561 คณะอนุกรรมการไต่สวนได้รับการประสานจากผู้เสียหายว่าจะเข้าพบเพื่อให้ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวข้องในวันที่ 11 มกราคมนี้ หากผู้เสียหายมาพบตามกำหนด คาดว่าอนุกรรมการจะสามารถสรุปสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงได้โดยเร็ว ในกรณีดังกล่าวสำนักงาน ป.ป.ท.ขอยืนยันว่า การปฏิบัติหน้าที่ของคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงเป็นไปโดยถูกต้อง ตามระเบียบคณะกรรมการ ป.ป.ท. ว่าด้วยการไต่สวนข้อเท็จจริง พ.ศ.2554 แต่เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธาให้กับสังคม สำนักงาน ป.ป.ท.พร้อมจะรับการตรวจสอบจากทุกภาคส่วนเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลและคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 69/2557 ลงวันที่ 18 มิถุนายน 2557 ต่อไป

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image