‘อัยการขจรศักดิ์’ยันไม่มีอคติ ร่วมสอบคดี’พานทองแท้’ แจงตัดพยานเหลือ8ไม่ใช่3ปาก ไม่หวั่นหากถูกเปลี่ยนตัว

นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ

เมื่อวันที่ 25 มกราคม นายขจรศักดิ์ พุทธานุภาพ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 3 ในฐานะพนักงานสอบสวนคดีฟอกเงินจากการอนุมัติเงินกู้ของธนาคารกรุงไทยให้กับกลุ่มกฤษดามหานคร กล่าวถึงกรณีนายชุมสาย ศรียาภัย ทนายความนายพานทองแท้ ชินวัตร ระบุว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากพนักงานสอบสวน และการถูกตัดบัญชีพยานตามที่ร้องขอมาจนเหลือ 3 ปาก ว่า ก่อนหน้านี้ทนายความนายพานทองแท้ยื่นหนังสือขอให้สอบปากคำพยานเพิ่มเติม 21 ปาก โดยระบุว่าเป็นพยานปากสำคัญในคดี คณะพนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วเห็นว่าควรสอบเพียงแค่ 8 ปาก เนื่องจากพิจารณาแล้วว่ามีความเกี่ยวข้องโดยตรง ส่วนที่เหลือเป็นพยานที่ไม่มีความเกี่ยวข้องจึงได้ตัดออกไป โดยคณะพนักงานสอบสวนได้นัดสอบปากคำพยานดังกล่าวเมื่อวันที่ 16-17 มกราคมที่ผ่านมา แต่พยานไม่มาพบพนักงานสอบสวนและขอเลื่อนเข้าให้ปากคำเป็นวันที่ 4 กุมภาพันธ์ หลังวันที่กำหนดนัดยังไม่ทราบว่าจะเลื่อนอีกหรือไม่

นายขจรศักดิ์กล่าวต่อว่า การสอบสวนคดีฟอกเงินทำในรูปของคณะพนักงานสอบสวน ไม่มีใครเป็นผู้ชี้นำในคดี เนื่องจากหลักฐานของคดีดังกล่าวมาจากพยานเอกสารของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) เป็นหลัก ไม่ใช่พยานบุคคล จึงไม่จำเป็นต้องมีการกลั่นแกล้งผู้ใด และการสอบปากคำพยานเพิ่มเติมให้จำนวน 8 ปาก ตามที่จำเลยร้องขอถือว่ามีความเหมาะสมแล้ว เนื่องจากคดีนี้จำเป็นต้องให้เวลาคณะพนักงานสอบสวนสรุปสำนวนคดีเพื่อส่งให้พนักงานอัยการพิจารณาก่อน ส่วนพนักงานอัยการอาจมีความเห็นสั่งสอบพยานเพิ่มเติมอีกหรือไม่ก็แล้วแต่ดุลพินิจ หากส่งสำนวนกระชั้นชิดเกินไป เกรงจะถูกกล่าวหาว่ากลั่นแกล้งอีก จึงขอความเป็นธรรมให้กับคณะพนักงานสอบสวนด้วย อย่างไรก็ตามคาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนส่งให้พนักงานอัยการได้ภายในเดือนมีนาคมนี้ โดยคดีดังกล่าวจะหมดอายุความในเดือนธันวาคม 2561

“ส่วนตัวไม่กังวล หากผู้ใหญ่เห็นควรให้เปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวน ผมเป็นข้าราชการต้องทำตามหน้าที่ ไม่ได้มีอคติกลั่นแกล้งคน หากสามารถชี้แจงที่มาของเงินจำนวน 26 ล้านบาท กับ 10 ล้านบาท ว่ามีที่มาที่ไปอย่างไรได้ ทุกอย่างก็จบ” นายขจรศักดิ์กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image