เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ หลักบุญ รองผบช.น.หัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ กองบัญชาการตำรวจนครบาล(ศปจร.น.) พ.ต.อ.สุวัฒน์ เกิดแก้ว ผกก.สส.บก.น.6 พ.ต.ท.ภูริส จินตรานันท์ รองผกก.สส.บก.น.5 พ.ต.ต.นพรัตน์ บุญถนอม สว.กก.ดส. และร.ต.ท.ธนภัทร กำลังแรง รองสวป.สน.บางเขน ชุดปฏิบัติการ ศปจร.น. จับกุม นายธงไชย อภิยางกูล อายุ 27 ปี นายพิเชษฐ์ เอี่ยมโอษฐ อายุ 44 ปี นายบูรพา มามาก อายุ 22 ปี และนางสาวสาวภา เย็นแย้ม อายุ 23 ปี พร้อมเอกสารราชการปลอมประเภทใบขับขี่ บัตรประจำตัวประชาชน สมุดจดทะเบียนรถ แผ่นป้ายเสียภาษีรถยนต์ และอื่นๆหลายรายการ
พล.ต.ต.ภาณุรัตน์ กล่าวว่า จากการขยายผลจับกุม นายชานนท์ พงษ์ปิ่น อายุ 34 ปีและนายสุภัทร รัตโนดม อายุ 43 ปี ที่เปิดเพจเฟซบุ๊กจำหน่ายเอกสารราชปลอมและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2560 ต่อมาชุดจับกุมสืบสวนทราบว่ามีผู้ผลิตเอกสารราชการปลอมยังหลบหนี เป็นหัวหน้าแก๊งของผู้ต้องหาทั้ง2คน จึงเฝ้าสืบสวนติดตามพบว่านายธงไชย และนายพิเชษฐ์ เป็นตัวการใหญ่ในการผลิตเพื่อส่งจำหน่ายต่อให้กับลูกค้าตามออเดอร์ หากผู้สั่งจองเอกสารชนิดใดเพียงส่งรูปให้ ส่วนรายละเอียดทางผู้สั่งทำเลือกชื่อใส่รายละเอียดตามชอบ นอกจากนี้ทั้ง2คนเป็นผู้ต้องหาตามปฏิทินหมายจับโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ลำดับที่ 5 และ 9 หลบซ่อนตัวอยู่ในจ.ภูเก็ตจึงเฝ้าจับกุม และจากหลักฐานที่พบจึงขยายผลจับกุมนายบูรพา และนางสาวสาวภา มีหน้าที่รับเอกสารราชการที่นายธงไชยและนายพิเชษฐ์ จัดส่งมาให้ผ่านคลังสินค้าสายการบินแห่งหนึ่งภายในสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ ก่อนนายบูรพาและนางสาวสาวภา จะมารับสินค้าไปส่งที่ทำการไปรษณีย์ในพื้นที่จ.สมุทรปราการ
สำหรับนายธงไชย จะมีรายได้จากการผลิตเอกสารราชการปลอมใบละ 7,000-15,000 บาท และเป็นรายใหญ่ที่สุดในประเทศมีเงินหมุนเวียนเดือนละ 1,000,000 บาท มีหมายจับที่ สน.ประชาชื่น สภ.พัทยา จ.ชลบุรี และ สน.บางนา อย่างละ 1 หมาย ส่วนนายพิเชษฐ์ มีหมายจับ สน.ประชาชื่น 1 หมาย จึงดำเนินคดีปลอมเอกสารราชการและ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กับผู้ต้องหาทั้ง4คน
