รวบทีมลักเบนซ์-ซีวิค’เสี่ยเต็นท์รถมือสอง-พวก’ตัวการ ออกอุบายเทสต์รถ ก่อนปั๊มกุญแจ

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 29 มีนาคม ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (บช.ภ.1) พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ รอง ผบช.ภ.1 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน บช.ภ.1 และ บก.น.4 แถลงจับกุมนายชานนท์ ชนะรัตนหิรัญ อายุ 52 ปี ผู้ต้องหาลักทรัพย์และรับของโจร นายยงยุทธ เหล่าสุขสถิตย์ อายุ 57 ปี ผู้ต้องหาร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกระทำความผิดตั้งแต่สองคนขึ้นไป หรือรับของโจร และนายประยูร ซอหนองบัว อายุ 38 ปี ผู้ต้องหาลักทรัพย์ ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยร่วมกระทำความผิด ตั้งแต่สองคนขึ้นไป หรือรับของโจร พร้อมรถยนต์ ยี่ห้อเบนซ์ รุ่น E250 CGI COUPE สีเทา ทะเบียน 3กส 6528 กรุงเทพมหานคร รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีดำ ทะเบียน ฐร 91 กรุงเทพมหานคร กุญแจปลอมรถยนต์ยี่ห้อเบนซ์ ที่ใช้หลอกผู้เสียหาย 1 ชุด กุญแจที่ทำขึ้นสำหรับลักทรัพย์รถยนต์ฮอนด้า ซีวิค 1 ชุด แผ่นป้ายทะเบียนรถยนต์ 18 แผ่น โทรศัพท์มือถือ 4 เครื่อง โดยมีนายวิโรจน์ ทศไนยธาดา อายุ 60 ปี เจ้าของเต็นท์ เค ออร์โต้คาร์ และน.ส.กนกลัดดา โสภาวาง อายุ 24 ปี สองเป็นผู้เสียหาย ร่วมแถลงข่าวและมอบดอกไม้เพื่อขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย

หลังจากเมื่อช่วงดึกคืนวันที่ 25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คนร้ายเข้าไปลักรถเบนซ์ รุ่น E 250 CGI COUPE สีเทา ทะเบียน 3 กส 6582 กรุงเทพมหานคร โดยใช้กุญแจกดรีโมตรถเบนซ์ปลดล็อกรถ ที่จอดไว้บริเวณเต็นท์ เค ออร์โต้คาร์ ย่านถนนเลียบด่วนรามอินทรา แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง ก่อนขับรถคันดังกล่าวหลบหนีไป ใช้เส้นทางตามถนนประดิษฐ์มนูธรรม เลี้ยวเข้าซอยรามคำแหง 21 จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดตัวสุดท้ายที่จับภาพได้พบว่า ขึ้นสะพานพระราม 9 หลบหนีไป

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุด ศปจร.ภ.1 ร่วมกับ ศปจร.บช.น. สืบสวนหาตัวคนร้าย กระทั่งสามารถติดต่อขอซื้อรถเบนซ์ รุ่น E 250 CGI COUPE สีเทา เป็นรถผิดกฎหมายในราคา 440,000 บาท จากนายตี๋(ไม่ทราบชื่อและนามสกุลจริง) โดยนายตี๋ส่งข้อมูลหมายเลขตัวรถมาให้เจ้าหน้าที่ เมื่อตรวจสอบพบว่าตัวเลขตรงกับรถเบนซ์คันที่ถูกคนร้ายลักไป ต่อมาได้มีการติดต่อกับนายนายโส (นายพรถวัลย์ หรือโสช่วยรอด) นายหน้า ก่อนให้นายชานนท์ (ผู้ต้องหาที่ 1) ขับรถเบนซ์คันดังกล่าวมายังบริเวณถนนทางเข้าสวนสยาม แขวงและเขตคันนายาว เป็นสถานที่นัดพบดูรถ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะแสดงตัวและขอตรวจสอบรถยนต์ พบว่าหมายเลขตัวรถเป็นคันเดียวกับที่ถูกคนร้ายลักทรัพย์ไป จึงจับกุมตัวนายชานนท์และยึดรถเบนซ์ไว้

จากการสอบสวนนายชานนท์ ให้การว่า ได้รับรถเบนซ์มาจาก นายยงยุทธ ผู้ต้องหาที่ 2 เป็นเจ้าของเต็นท์ขายรถยนต์มือสอง SJ CAR CENTER โดยนายยงยุทธส่งรถคันนี้มาจำนำกับตนในราคา 160,000 บาท ก่อนที่ตนจะขับรถยนต์คันดังกล่าวมาขายอีกต่อ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับนายยงยุทธ ก่อนจับกุมตัวได้

Advertisement

จากการสืบสวนขยายผลพบว่า นายประยูร ผู้ต้องหาที่ 3 เป็นคนก่อเหตุลักรถเบนซ์ของกลาง และเคยก่อเหตุลักรถฮอนด้า รุ่นซีวิค สีดำ มีผู้เสียหายแจ้งความไว้ที่ สน.ห้วยขวาง จึงติดตามตัวจนกระทั่งจับกุมได้ที่ จ.ตรัง จากการสอบสวน นายประยูร รับสารภาพว่า ก่อเหตุจริง ก่อนลงมือเข้าไปทำทีขอซื้อรถเบนซ์เป้าหมายที่เต็นท์รถของผู้เสียหาย และขอทดสอบรถ เมื่อทดสอบเสร็จได้สับเปลี่ยนกุญแจปลอมรถเบนซ์ที่เตรียมมาให้เจ้าของเต็นท์รถไป แล้วกลับมาใช้กุญแจจริงที่แอบเก็บไว้มาก่อเหตุลักรถเบนซ์ไป ส่วนรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค อาศัยช่วงที่ผู้เสียหาย จอดรถไว้ที่คอนโด ย่านพระราม 9 และให้ช่างมาทำกุญแจรถยนต์ขึ้นมาใหม่ โดยออกอุบายว่ามีเหตุเร่งด่วน เจ้านายให้มาปลดล็อกรถ เมื่อได้กุญแจแล้วก็ขับรถหลบหนีไป ก่อนมาถูกจับกุมตัวได้

พล.ต.ท.สุวัฒน์ เปิดเผยว่า คดีนี้เป็นบทเรียนให้กับผู้ประกอบการกิจการเต็นท์รถรายอื่น เพราะคนร้ายใช้วิธีทำทีเหมือนมาซื้อรถ ซึ่งเต็นท์รถให้กุญแจรถไป เพราะไม่เคยมีปัญหา แต่ตอนคืนคนร้ายกลับนำกุญแจรถที่ทำปลอมมาคืน แล้วเก็บกุญแจดอกจริงไว้ก่อนมาลักรถไป ส่วนกรณีรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค ผู้เสียหายได้จอดไว้ที่คอนโด พอกลับมาก็พบว่ารถยนต์หายไป โดยคนร้ายใช้กุญแจรถที่ให้ช่างกุญแจทำขึ้นขับรถหนีไป จากการสอบสวนผู้ต้องหายอมรับว่าทำมาเท่าที่ตำรวจจับได้ และมีหนึ่งในผู้ต้องหามีประวัติคดีฉ้อโกงอยู่ หลังจากนี้เจ้าหน้าที่จะสืบสวนขยายผลเพิ่มเติมต่อไป

ด้าน นายวิโรจน์ เจ้าของรถเบนซ์ E250 เปิดเผยว่า ช่วงประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์ นายประยูรเข้ามาติดต่อขอซื้อรถเบนซ์ E250 สีเทา ตั้งราคาไว้ 1.75 ล้านบาท แต่คนร้ายต่อรอง สุดท้ายตกลงกันที่ 1.65 ล้านบาท จากนั้นคนร้ายขอลองขับรถ ตนก็อนุญาต โดยระหว่างทดลองขับตนนั่งไปด้วย ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ตนบอกจะขับไปจอดที่เดิมเอง เพราะปกติเวลาลูกค้าลองรถตนจะให้จอดด้านนอก แต่คนร้ายขอถอยเข้าเอง อ้างว่าเกรงใจ พอจอดรถเสร็จตนลงประตูฝั่งซ้าย คนร้ายลงฝั่งขวา คาดว่าเป็นจังหวะนี้ที่มีการสับเปลี่ยนกุญแจไป ก่อนที่จะจับมือกับตนและนัดจะนำเงินมาจ่ายช่วงเที่ยงของวันรุ่งขึ้น โดยขณะพูดคุยกัน คนร้ายพูดจาดีมาก บอกว่าทำอาชีพเกษตรกรไปโชว์รูมไหนก็ไม่มีใครต้อนรับ และไม่ได้ตั้งใจจะซื้อรถ เพราะรถบีเอ็มฯคันเก่ามีปัญหาเข้าเกียร์ไม่ได้อยู่ระหว่างเข้าศูนย์ซ่อมอยู่ แถมยังบอกตอนทดลองขับด้วยว่าถ้าไม่ไว้ใจจะเอากุญแจรถบีเอ็มฯค้ำประกันไว้ก็ได้แต่ตนบอกไม่เป็นไร

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ต่อมาวันที่ 10-11 กุมภาพันธ์ ลูกชายตนจะนำรถเบนซ์คันดังกล่าวไปถ่ายรูป เพราะรถที่เต็นท์ต้องถ่ายรูปไว้ทุกคัน ตนจึงให้กุญแจรถไป แต่ลูกชายมาบอกว่าไขกุญแจไม่ได้ ตนจึงเกิดข้อสงสัยเพราะเพิ่งขับไปวันเดียว เลยคิดว่าแบตรีโมทหมดจึงไปที่ร้านเปลี่ยนแบตแต่ไฟก็ขึ้นปกติ แต่ยังเปิดรถไม่ได้ จึงรู้ตัวว่าถูกเปลี่ยนกุญแจไปแล้ว เลยสั่งรปภ.ไว้ไม่ให้ใครมาขับรถคันนี้ ในใจไม่คิดว่าคนร้ายจะย้อนกลับมาขโมยรถไป จนกระทั่ง ที่ร้านเปลี่ยนเมมโมรี่กล้องวงจรปิด เพราะเวลาผ่านไป 15 วัน คนร้ายมาขโมยรถโดยขับฝ่าต้นไม้หนีไป แม้ตนจะนำรถที่ราคาสูงกว่ามาจอดไว้และจอดรถเบนซ์คันดังกล่าวไว้ด้านหลังก็ตาม

“เหตุการณ์ครั้งนี้ ถือเป็นบทเรียนราคาแพงที่ไม่เคยเจอมาก่อน ฝากเตือนผู้ประกอบการเต็นท์รถ เมื่อลูกค้าทดลองขับแล้วขอให้คืนกุญแจรถต่อหน้าเราทันทีจะดีที่สุด หลังจากเกิดเหตุ ผมได้วางมาตรการป้องกันเพิ่ม โดยปรับสถานที่ใหม่ ติดตั้งเหล็กกั้นไว้และจะให้ช่างมาทำที่ล็อกล้อให้ด้วย เมื่อลูกค้าตกลงราคาได้แล้ว ผมจะขอหลักฐานไว้ เช่น บัตรประชาชนหรือใบขับขี่ หากใครไม่มีจะไม่ยอมให้ทดลองขับพร้อมบอกว่าเคยโดนสับเปลี่ยนกุญแจแล้วมาขโมยรถ ลูกค้าส่วนใหญ่ก็เข้าใจและให้ความร่วมมือดี ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนายที่ช่วยกันติดตามรถกลับมาให้ รู้สึกดีใจมาก เหมือนเป็นของขวัญชิ้นใหญ่” นายวิโรจน์กล่าว

ด้าน น.ส.กนกลัดดา เจ้าของรถฮอนด้า เปิดเผยว่า ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ติดตามรถมาได้ รู้สึกดีใจมากที่ได้รถคืนมาหลังหายไปเพียง 2 วัน ก่อนเกิดเหตุ ตนจอดรถไว้ที่คอนโดและลงมาจะไปธุระแต่กลับไม่พบรถ จึงแจ้งความไว้ ถือว่าเป็นความหละหลวมของ รปภ.ที่ให้คนร้ายขับรถออกไปได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image