ป.ป.ท.คุ้ยต่อโกงคนไร้ที่พึ่ง หลักฐานปปง.ถึงมือ พร้อมเปิดใบหน้าคนอยู่เบื้องหลังทุจริต!

(แฟ้มภาพ)

ป.ป.ท.ลุยสอบโกงเงินคนไร้ที่พึ่ง รอหลักฐานธุรกรรมการเงินจากปปง.ก่อนเปิดเผยใบหน้าผู้อยู่เบื้องหลังการทุจริต หากข้อมูลเชื่อมโยงถึงขรก.เกษียณก็โดนด้วย ระบุพร้อมโอนสำนวนหากป.ป.ช.ต้องการดึงไปสอบสวนเพื่อเชื่อมโยงการทุจริตทั้งระบบใน พม.

เมื่อวันที่ 31 มีนาคม พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจิตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) กล่าวถึงกรณีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงชองมนุษย์ (พม.) ตั้งกรรมการสอบสวนความผิดวินัยร้ายแรงกับปลัดกระทรวงและรองปลัดกระทรวง จากกรณีทุจริตเงินศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งที่กระจายไปทั่วประเทศว่า การตั้งกรรมการสอบสวนความผิดวินัยร้ายแรงกับผู้บริหารระดับสูงไม่มีผลให้การตรวจสอบของป.ป.ท.ต้องหยุดชะงักลง ขณะนี้ป.ป.ท.ยังคงต้องตรวจสอบไปตามพยานหลักฐานที่ปรากฎ เพื่อได้มาซึ่งความเชื่อมโยงว่าผู้บริหารระดับสูงเข้าไปกดดันผู้อำนวยการศูนย์คุ้มครองฯ ที่ถูกป.ป.ท.ตั้งข้อกล่าวหาอย่างไร ในส่วนของเส้นทางการเงินจากการทุจริตที่ถูกส่งต่อไปยังบุคคลที่อยู่เบื้องหลังนั้น เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น แต่ยังต้องรอฟังผลการตรวจสอบธุรกรรมการเงินของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความชัดเจนมากที่สุด ในส่วนของผู้เกี่ยวข้องที่ปัจจุบันเกษียณอายุราชการไปแล้ว ก็สามารถดำเนินการตามกฎหมายได้ เพราะอายุความในคดีทุจริตไม่ได้หมดลงพร้อมกับการเกษียณราชการ

พ.ท.กรทิพย์ กล่าวว่า ในวันที่ 2 เมษายน นี้ ป.ป.ท.จะประชุมชุดปฎิบัติการที่เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงใน 37 จังหวัดเป้าหมายเร่งด่วน ซึ่งได้รับอนุมัติงบประมาณสงเคราะห์บุคคลไร้ที่พึ่งตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไป เพื่อสรุปภาพรวมการตรวจสอบก่อนนำเสนอให้บอร์ดป.ป.ท.มีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนความผิดอาญา เบื้องต้นใน 37 เป้าหมายเร่งด่วน พบหลักฐานส่อทุจริตเกือบครบ บางแห่งไม่พบหลักฐานทุจริตการจ่ายเงินแต่พบพิรุธในเรื่องการสงเคราะห์ด้วยการนำเงินไปซื้อของมาแจก หากศูนย์คุ้มครองฯแห่งใดตรวจสอบไม่พบหลักฐานความผิด ป.ป.ท.จะแถลงข่าวอย่างตรงไปตรงมา เพื่อให้ประชาชนรู้สึกว่ายังมีศูนย์ที่ไม่ทุจริตอยู่บ้าง

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต้องการดึงสำนวนการทุจริตจ่ายเงินสงเคราะห์ของพม.ไปตรวจสอบเองทั้งหมด เพื่อเชื่อมโยงให้เห็นถึงภาพรวมของการทุจริตจากระดับศูนย์คุ้มครองไปจนถึงระดับกรมและกระทรวง พ.ท.กรทิพย์ กล่าวว่า หากป.ป.ช.มีมติให้ป.ป.ท.โอนสำนวนคดีทั้งหมด ก็ไม่ขัดข้องโดยขอให้มีมติอย่างเป็นทางการส่งถึงบอร์ดป.ป.ท. แต่ในระหว่างที่ยังไม่มีคำสั่งให้โอนสำนวนป.ป.ท.ยังคงต้องตรวจสอบหลักฐานให้ครบทั้ง 76 ศูนย์ทั่วประเทศ โดยในการประชุมบอร์ดป.ป.ท. วันที่ 5 เม.ย.นี้ จะนำสำนวนการตรวจสอบเสนอให้บอร์ดลงมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนให้ครบทั้ง 53 จังหวัด ซึ่งก่อนหน้านี้บอร์ดป.ป.ท.ได้มีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนแล้ว 19 ศูนย์ รวมผู้ถูกกล่าวหา 94 ราย

Advertisement

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image