เมื่อวันที่ 5 เม.ย. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท ) อาคารซอฟแวร์ ปาร์ค ถนนแจ้งวัฒนะ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายกิตติ ลิ้มชัยกิจ.ประธานคณะกรรมการป.ป.ท.เป็นประธาน การประชุมพิจารณาสำนวนการตรวจสอบข้อเท็จริงการทุจริตเบิกจ่ายเงินสงเคราะห์ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งพร้อมแผนประทุษกรรมที่ตรวจสอบพบ ซึ่งป.ป.ท.เสนอให้คณะกรรมการ ป.ป.ท.พิจารณาเพื่อลงมติแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนความผิดทางอาญากับผู้อำนวยการศูนย์ และเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตอีกจำนวน 24 จังหวัด รวมทั้งพิจารณาการส่งสำนวนที่มีข้าราขการระดับสูงของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)เข้าไปเกี่ยวข้อง ให้ทาง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการตามขั้นตอน เนื่องจากนทางป.ป.ท.ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณา
ด้าน พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เปิดเผยว่า วันนี้ (5เม.ย.)ได้เสนอคณะกรรมการหรือบอร์ด ป.ป.ท.พิจารณาสำนวนการตรวจสอบข้อเท็จริงการทุจริตเบิกจ่ายเงินสงเคราะห์ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจำนวน 24 จังหวัด เพื่ออนุมัติตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนคดีอาญา ซึ่งบอร์ดกำลังพิจารณาอยู่ และจะสรุปผลให้ทราบภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม สำหรับกรณีผู้บริหารระดับสูงของส่วนราชการระดับกรมในสังกัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จำนวน 3 คน ซึ่งเกินอำนาจดำเนินการของป.ป.ท. ในวันนี้ยังไม่ได้เสนอสำนวนเข้าสู่ที่ประชุมบอร์ด เพื่อพิจารณาส่งต่อให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เนื่องจากอยู่ระหว่างสรุปสำนวน คาดว่าจะสามารถสรุปสำนวนเสร็จและเข้าสู่ที่ประชุมบอร์ดอีกครั้ง หลังจากช่วงวันหยุดสงกรานต์
ผุ้สื่อข่าวถามว่า หลังจากเปิดข้อมูลการสรุปว่ามีเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงพม.และระดับกรมที่เกี่ยวข้องกับการทุจริต กลุ่มคนเหล่านี้ มีเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง พ.ท.กรทิพย์ กล่าวว่า ระหว่างนี้ให้เจ้าหน้าที่หน่วยตรวจสอบติดตามความเคลื่อนไหวของผู้บริหารระดับกลุ่มนี้ทุกด้าน รวมถึงเส้นทางการเงินด้วย แต่ยังไม่ปรากฏความเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ หรือน่ากังวล
ผู้สื่อข่าวถามว่าพบความเชื่อมโยงเส้นทางการเงิน ไปยังนักการเมืองหรือรัฐมนตรีหรือไม่ พ.ท.กรทิพย์ กล่าวว่า ยังไม่ปรากฏเส้นทางการเงินข้อมูลที่เชื่อมโยงไปนักการเมืองหรือถึงรัฐมนตรีแต่อย่างใด
พ.ท.กรทิพย์ กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบภาพรวมการทุจริตโครงการนี้ทั่วประเทศพบพฤติการณ์ทุจริตแล้วจำนวน 56 จังหวัด บอร์ด ป.ป.ท. มีมติตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนแล้ว 19 จังหวัด ถ้าวันนี้มีมติรับครบทั้ง 24 จังหวัด ก็เหลืออีก 17 จังหวัด ซึ่งจะทยอยสรุปสำนวนและเสนอที่ประชุมบอร์ดต่อเนื่อง ซึ่งหากเข้าสู่ที่ประชุมบอร์ดและตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนแล้วครบ 56 จังหวัดคาดว่าจะมีผู้กระทำผิดไม่น้อยกว่า 200 คน
พ.ท.กรทิพย์ กล่าวยังกล่าวถึงการดูแลคุ้มครองพยานว่า ได้ประสานกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.)เข้าไปดูแลพยาน ใน 2 พื้นที่ คือ น.ส.ปณิดา ยศปัญญา หรือ น้องแบม นักศึกษาสาขาพัฒนาชุมชน คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม และน .ส.ณัฐกานต์ หมื่นพล หรือ น้องเกมส์ อดีตลูกจ้าง ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่งจังหวัดขอนแก่น ผู้เปิดโปงการทุจริตเรื่องนี้ และพยานอีกหลายปากที่จังหวัดนครพนม ซึ่งเป็นผู้ถ่ายคลิปภาพหลักฐานการกระทำผิดของผู้อำนวยการโรงเรียน ที่สนับสนุนเจ้าหน้าที่ให้กระทำการทุจริต
“เนื่องจากได้รับแจ้งว่ารู้สึกไม่ปลอดภัยและมีการคุกคามหลายอย่างหลังจากได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะมีการถามว่าลูกจะเรียนโรงเรียนนี้ต่อหรือไม่ ทำให้รู้สึกว่าตัวเองและลูกไม่มีความปลอดภัย โดย ประสานผู้ว่าฯจังหวัดนครพนม และกอ.รมน. เข้าให้ความคุ้มครอง ซึ่งที่นครพนมยังงไม่ถึงขั้นเข้าโครงการคุ้มครองพยาน เพื่อให้พยานรู้สึกปลอดภัยมากที่สุด” พ.ท.กรทิพย์ กล่าว
