ผู้ตรวจศธ.ยกคอมฯ คดี ซี 8 ทุจริตกองทุนเสมา มอบป.ป.ท. พาพยาน 2 นร.ทุน สนิท “รจนา”ให้ข้อมูล

ผู้ตรวจศธ.ยกคอมพิวเตอร์  “รจนา”ซี เอกสารแนบ 44 รายชื่อ ผู้เกี่ยวข้อง แบ่ง 4 กลุ่ม มอบป.ป.ท. พา2 พยานเข้าให้ปากคำ

เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการ กระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงการทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิต เดินทางยังสำนักงานป.ปท.พร้อมกับ พยานบุคคล ซึ่งเป็นอดีตนักเรียนทุนเสมาฯซึ่งสนิทสนมกับนางรจนา และเป็นผู้ที่ถูกนางรจนาชักชวนไปเปิดบัญชีไว้เพื่อโอนเงิน มาให้ข้อมูลกับทางป.ป.ท. รวมถึงพยานหลักฐานเอกสาร พยานวัตถุ หรือเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ยึดได้จากโต๊ะทำงานของนางรจนา สินที ข้าราชการซี 8 ภายในกระทรวงศึกษาธิการ มาส่งมอบเจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. โดยมี พ.ท.กรทิพย์ ดาโรจน์  เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ  (ป.ป.ท.) เป็นผู้รับเรื่อง

นายอรรถพล กล่าวว่า  พยานหลักฐานที่นำมายื่นวันนี้  มีข้อมูลรายชื่อ 44 ราย ที่เกี่ยวข้องไนเรื่องนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้ตรวจสอบและพบความเกี่ยวข้อง และยื่นมาให้ ป.ป.ท.แล้ว 22 ราย แต่จากการตรวจสอบของทีม พบว่ามีความเกี่ยวข้องทั้งหมด จึงส่งมาให้ใหม่ครบทั้ง 44 ราย แบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่มีความถี่ในการโอนเงินกองทุนเสมาฯ คือ นางรจนา และเครือญาติ 2.กลุ่มเพื่อนสมัยเรียนปริญญาโทของนางรจนา 3.กลุ่มนักเรียนทุนที่ใกล้ชิดนางรจนา และนางรจนาอาศัยพึ่งพามีการหยิบยืมเงิน และยอมให้บัญชีตัวเองกับนางรจนาเพื่อทำธุรกรรม และ 4 .กลุ่มที่มีความเชื่อมโยงกับมูลนิธิบางแห่ง เงินที่โอนกลับไปเข้าเจ้าของมูลนิธิ และจากข้อมูลปี 2558 พบเป็นมูลนิธิที่เคยไปทำกิจกรรมกับกระทรวงศึกษาธิการด้วย

Advertisement

นายอรรถพล ยังกล่าวต่อว่า ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลการโอนเงินกองทุนเสมาฯ ที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 17 เดือนสิงหาคม 2548 จนถึงพฤศจิกายน 2560 มีการโอนทั้งสิ้น 1,049 รายการ รวมเงิน 230 กว่าล้านบาท พบว่ามีรายการที่โอนไปยังบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับกองทุนฯ และยังตรวจไม่พบว่าบัญชีใครด้วย 471 รายการ รวมเป็นเงินประมาณ  96  ล้านบาท ตอนนี้ทราบแล้วว่าจำนวน  34  บัญชี เป็นของบุคคลซึ่ง มีทั้งเป็นข้าราชการระดับ 8 ของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งทำงานในต่างจังหวัด 2-3 ราย และกลุ่มที่ชื่อเหมือนกับกลุ่มข้าราชการ เพราะบางรายมีการยืนยันว่าเป็นชื่อของบุคคลนั้นจริง แต่บางรายก็ไม่ได้ยืนยันแค่ชื่อพ้องกันใกล้เคียงกันซึ่งจะต้องเรียกมาพิสูจน์บุคคลหลังจากนี้ ทั้งนี้วันนี้จึงทำหนังสือส่งไปยังหน่วยงานต้นสังกัดที่ปรากฎชื่อนามสกุล ราชการไปตรงกับชื่อบัญชีรับโอน ว่าบุคคลเหล่านี้ตัวตนจริงหรือไม่ ทั้งในส่วนของตำรวจ กทม. กรมที่ดิน ทหาร รวมมีประมาณ 7 ราย ซึ่งทั้งหมดยังทำงานอยู่  เป็น ข้าราชการระดับซี 8 สังกัด ศธ. 2 คน ทหารชั้นประทวน 1 นาย ตำรวจตระเวนชายแดน 1 นาย เจ้าหน้าที่กรมที่ดิน 1 คน เจ้าหน้าที่สังกัดกรุงเทพมหานคร 1 คน และครูเทศบาล ที่จังหวัดตากอีก 1 คน

Advertisement

“ตัวเลขเสียหายจริงกำลังสรุป ต้องรอข้อมูลยืนยันจากหน่วยงานว่าได้รับจริงเท่าไหร่ มีการโอนเงินหนุมนเวียน ดังนั้นใครที่เป็นเจ้าของบัญชี ถ้าหากไปขอสเตรทเม้นท์จะพบตัวเลข และชื่อหน่วยงานผู้โอนคือ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการใครที่อ้างว่ารับโดยสุจริต ก็ต้องสงสัยว่าได้รับได้อย่างไร ดังนั้นใครรู้ตัวว่าเกี่ยวข้องให้รีบแจ้งมาอย่างน้อยก็เป็นการแสดงความบริสุทธิ์ใจต้องมาอธิบายกัน สำหรับพยาน2 ราย ที่พามานั้น ทำงานใกล้ชิดกับนางรจนา และเคารพนางรจนาเสมือนแม่ ก่อนหน้านี้ปี 2550 นางรจนาขอเลขบัญชี รวมถึงขอให้เปิดบัญชีให้ เพื่อที่จะโอนเงินเข้า”นายอรรถพลกล่าว

ด้าน พ.ท.กรทิพย์ กล่าวว่า จนถึงขณะนี้มีผู้ถูกกล่าวหา แค่ 1 คน คือ นางรจนา ส่วนจะมีผู้อื่นที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีกหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเอกสารพยานหลักฐานที่ทางอนุกรรมการฯ กำลังดำเนินการตรวจสอบอยู่ในขณะนี้ ทั้งนี้ตั้งแต่เข้าไปค้นบ้านของนางรจนาเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ยังไม่ได้มีการเรียกนางรจนามาสอบถามข้อมูลเพิ่ม แต่มีความมั่นใจในพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับนางรจนา หากมีความชัดเจนจะเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาทันที

พ.ท.กรทิพย์ กล่าวต่อว่า สำหรับกรอบระยะเวลาในการทำงาน จะอยู่ที่ประมาณ 6 เดือน นับตั้งแต่ตั้งอนุกรรมการฯ ขณะตั้งมาได้ 15 วันแล้ว ซึ่งคดีนี้ถือว่ามีความพิเศษเพราะอาจมีบุคคลต่าง ๆ เข้ามาเกี่ยวข้องจำนวนมาก จึงต้องมีการประสานการทำงาน ร่วมกับหน่วยงานอื่นร่วมตรวจสอบ ทั้ง ป.ป.ง. และตำรวจ และในวันที่ 19 เมษายนนี้  จะนำเรื่องความคืบหน้าเสนอเข้าที่ประชุมบอร์ด ป.ป.ท. เพื่อพิจารณาในการทำคดีต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image