ป.ลุยค้นบ้าน “ร.ต.”ศรภ. พบแม่บ้าน เอี่ยวคดีเงินทอนวัด พระชั้นผู้ใหญ่โอนเงินให้ 25 ล.

เมื่อเวลา 15.30 น.วันที่ 16 พ.ค. พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผบก.ป. พ.ต.อ.ชาคริต สวัสดี พ.ต.อ.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบก.ป. พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการ กก.1 และ กก.4 บก.ป. และเจ้าหน้าที่ ปปง.พร้อมหมายค้นศาลจังหวัดมีนบุรี เลขที่200/2561 ลงวันที่ 16 พ.ค.61 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่265/154 หมู่บ้านสีวลีรามคำแหง ถ.ราษฎร์พัฒนา (ซอยมิสทีน) แขวงและเขตสะพานสูง หลังสืบทราบว่าบุคคลที่พักอาศัยอยู่ภายในบ้านหลังดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีทุจริตเงินงบประมาณเผยแผ่พระพุทธศาสนา หรือ เงินทอนวัด

จากการตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 60 ตารางวา มีรั้วรอบขอบชิด มี ร.ต.เจ้าหน้าที่ทหารในสังกัดศูนย์รักษาความปลอดภัย(ศรภ.) กองบัญชาการกองทัพไทยแสดงตัวเป็นเจ้าของบ้าน พักอาศัยอยู่กับภรรยาและบุตรชายอีก 2 คนและ แม่บ้านอีก 1 คน ตรวจสอบภายในบ้านพบตู้เซฟ 3 ใบ แบ่งเป็นตู้เซฟขนาดใหญ่ 1 ใบ และขนาดเล็ก 2 ใบ เจ้าหน้าที่จึงขออนุญาตทำการตรวจสอบสิ่งของภายในตู้เซฟทั้ง 3 ใบ พบอาวุธปืนยาวจำนวน 5 กระบอก อาวุธปืนสั้นอีกจำนวน 17 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนอีกจำนวนหนึ่ง และทรัพย์สินมีค่า อาทิ ทองคำรูปพรรณ ทองคำแท่ง แหวนเพชร นาฬิกาหรู อีกหลายรายการ นอกจากนี้จากการตรวจสอบยังพบเอกสารเกี่ยวกับธุรกรรมการเงินและใบเสร็จต่างๆซุกซ่อนอยู่ตามชั้นวางของและลิ้นชักเก็บเอกสารจำนวนมาก เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดไว้ทำการตรวจสอบ

พล.ต.ต.ไมตรี กล่าวว่า สืบเนื่องจากทางกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ บช.ก. ได้รับเรื่องร้องทุกข์จากทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้ช่วยตรวจสอบการทุจริตเงินงบประมาณเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ที่ได้กระจายเงินดังกล่าวไปตามวัดต่างๆ เพื่อใช้ในการจัดกิจกรรมเผยแพร่พระพุทธศาสนา กระทั่งต่อมาทางด้านกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ได้ตรวจพบการทุจริตเกิดขึ้นในวัดใหญ่แห่งหนึ่งภายในพื้นที่ กทม.และมีพระชั้นผู้ใหญ่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินดังกล่าว

เนื่องจากพบว่ามีการนำเงินดังกล่าวไปใช้ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ที่ทางสำนักพุทธฯกำหนด จึงได้ทำการตรวจสอบเส้นทางการเงินกระทั่งพบว่าพระชั้นผู้ใหญ่ของวัดดังกล่าวได้มีการโอนเงินงบประมาณ ที่ทางวัดได้รับมาจากทางสำนักพุทธฯจำนวน 25 ล้านบาทจาก 30 ล้านบาท ไปให้กับ หญิงสาวรายหนึ่งที่พักอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ จนนำไปสู่การเข้าทำการตรวจค้นดังกล่าว

Advertisement


พล.ต.ต.ไมตรี กล่าวอีกว่า สำหรับการตรวจค้นเริ่มขึ้นตั้งแต่เมื่อวานที่ผ่านมา โดยการตรวจค้นครั้งแรกพบเอกสารต่างๆมากมายพร้อมกับตู้เซฟจำนวน 3 ใบภายในบ้านจึงได้ทำการตรวจยึดเอกสารทั้งหมดไว้ทำการตรวจสอบ ก่อนนำกำลังมาตรวจสอบภายในตู้เซฟอย่างละเอียดอีกครั้งในวันนี้ ซึ่งจากการตรวจสอบภายในตู้เซฟพบอาวุธปืนจำนวนกว่า 20 กระบอกรวมถึงทรัพย์มีค่าทองคำรูปพรรณอีกหลายรายการ จากการสอบถามเจ้าของบ้านให้การว่าอาวุธปืนและทรัพย์สินมีค่า ทั้งหมดที่ตรวจพบเป็นของตนเองจริง และมีทะเบียนถูกต้องแต่จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าบางกระบอกเป็นชื่อของบุคคลอื่น จึงจำเป็นต้องยึดไว้ทำการตรวจสอบที่ไปที่มาให้แน่ชัด

พล.ต.ต.ไมตรี กล่าวต่ออีกว่า ส่วนตัวหญิงสาวที่รับโอนเงินมาจากทางวัด จากการตรวจสอบพบว่าอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวจริง นอกจากนี้จากการตรวจสอบยังพบว่าหญิงสาวคนดังกล่าว มีชื่อเป็นผู้เปิดบริษัทที่รับเงินจากทางวัด แต่จากการตรวจสอบบ้านหลังดังกล่าว พบเป็นเพียงบ้านพักอาศัยไม่มีลักษณะเหมือนกับสำนักงานหรือที่ทำการของบริษัทแต่อย่างใด ทั้งนี้จากการสอบปากคำหญิงสาวคนดังกล่าวเบื้องต้นทราบว่าปกติมีอาชีพขายลูกชิ้นอยู่ที่ตลาดสี่มุมเมือง แต่มารับทำงานเสริมเป็นแม่บ้าน ช่วยเลี้ยงดูบุตรหลานให้กับเจ้าของบ้าน พร้อมกับยอมรับว่าเป็นผู้รับเงินที่โอนมาจากทางวัดและมีการเบิกเงินออกมาจริง เนื่องจากคนในบ้านคนหนึ่งที่สนิทสนมกับตนเองได้มาขอให้ช่วยเปิดบัญชีธนาคาร ซึ่งหลังจากที่มีเงินเข้ามาแล้วก็จะไปทำการถอนออกให้ ซึ่งทั้งหมดนี้จะต้องมีการตรวจสอบอย่างละเอียด หากพบความผิดถึงใครก็จะต้องถูกดำเนินคดีไม่มีการละเว้น แต่เนื่องเอกสารต่างๆที่ตรวจยึดได้มีจำนวนค่อนข้างเยอะจึงต้องใช้เวลาในการตรวจสอบ


ด้าน พ.ต.อ.จรูญเกียรติ กล่าวว่า หลังจากที่พบว่ามีการโอนเงินเข้ามายังหญิงสาวคนดังกล่าวแล้ว ก็ได้ทำการสืบสวนหาเบาะแสเพิ่มเติม จนกระทั่งพบความผิดปกติหลายอย่างเนื่องจากหญิงคนดังกล่าวเป็นเพียงแม่บ้านไม่น่าที่จะสามารถเปิดบริษัทรับงานเองได้ จึงได้ทำการตรวจสอบตรวจสอบประวัติ กระทั่งพบว่าหญิงคนดังกล่าวมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบุคคลหนึ่งที่เคยอยู่ในวัดต้องสงสัย อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ว่าหญิงคนดังกล่าวนั้นจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดด้วยหรือไม่ คงต้องดูจากพยานหลักฐานเป็นหลัก ส่วนการสอบปากคำในเบื้องต้นพบว่าหญิงคนดังกล่าวได้ให้การตรงตามข้อเท็จจริงและรายละเอียดข้อมูลที่ทางเจ้าหน้าที่มีอยู่ อีกทั้งยังให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีอีกด้วยว่าบุคคลที่ใกล้ชิดนั้นเคยพาไปพบกับพระชั้นผู้ใหญ่บางรูป เพื่อพูดคุยเรื่องการรับแคชเชียร์เช็คเงินจำนวน 25 ล้านดังกล่าว ซึ่งในแคชเชียร์เช็คดังกล่าวมีการระบุชื่อพระชั้นผู้ใหญ่อย่างชัดเจน ซึ่งเมื่อพิจารณาดูจากข้อมูลที่มีอยู่แล้วอาจเป็นไปได้ว่าหญิงสาวคนดังกล่าวอาจเป็นเพียงผู้บริสุทธิ์ที่ถูกหลอกใช้งานก็เป็นได้


รานงานข่าวแจ้งว่า สำหรับหญิงสาวที่เป็นผู้รับโอนเงินจากทางพระชั้นผู้ใหญ่จำนวน 25 ล้านบาทนั้น คือ น.ส.นุชรา สิทธินอก อายุ 32 ปี เป็นชาว จ.บุรีรัมย์ ซึ่งพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวในฐานะแม่บ้าน คอยช่วยเหลืองานบ้านและดูแลบุตรหลานให้กับเจ้าของบ้าน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัว น.ส.นุชรา มาทำการสอบปากคำในฐานะพยาน ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา เพื่อทำการสักถามรายละเอียดที่ไปที่มาของเงินจำนวน 25 ล้านที่ได้รับโอนมาจากทางพระชั้นผู้ใหญ่ ดังกล่าว ก่อนจะนำไปรวมกับพยานหลักฐานที่มีอยู่ก่อนหน้านี้เอาผิดผู้กระทำผิดต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image