ปิดจ๊อบ! ‘รองโจ๊ก’จับเครือข่ายซือโถวแก๊งคอลฯไต้หวันหลอกขรก.ไทยเกษียณนับล้าน

เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 25 พฤษภาคม ตามเวลาท้องถิ่นไต้หวัน ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนอาชญากรรมไต้หวัน นาย ไช่ ชาง ปอ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนอาชญากรรมไต้หวัน นายหลู ซุน ฉาง รองบัญชาการตำรวจสอบสวนอาชญากรรมไต้หวัน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบช.ทท. พ.ต.อ.อาชยน ไกรทอง รอง ผบก.ทท. พ.ต.อ.พนัญชัย ชื่นใจธรรม รอง ผบก.ทท.2. พ.ต.อ.นิธิธร จินตกานนท์ รอง ผบก.สปพ. พ.ต.อ.สถิตย์ พรหมอุทัย รอง ผบก.สส.ภ.2 และ พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง ผกก.สส.บก.น. 4. พร้อมชุดปฎิบัติจากศูนย์ป้องกันและปรามปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (ศป.ฉปทน.ตร.) ร่วมจับกุมเครือข่ายคอลเซนเตอร์ซือโถว พร้อมของกลางเงินสด 1,700,000 ดอลล่าห์ไต้หวัน โทรศัพท์มือถือ 14 เครื่อง บัตรเอทีเอ็ม 10 ใบ สมุดบัญชีรายชื่อเครือข่าย 7 เล่ม ซีพียูคอมพิวเตอร์ 2 เครื่อง โดยจับกุมได้ที่เมืองไถหนัน อยู่ตอนใต้ของไต้หวัน ห่างจากกรุงไทเป 317 กิโลเมตร โดยผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมเป็นระดับแกนนำสำคัญของเครื่อข่าย จำนวน 10 คน ประกอบด้วย 1.นายหวู เหวิน เฟิง 2.นายหวาง จ้วน ฟู 3.นายหลิน ยู่ เฉิง 4.นายป๋าย หง ถิง 5.นายหลิว เหวย เฉิน 6.นายจาน จื้อ เฮ่า 7.นายสู อี เฉิง 8.นายหวาง ข่าย ฉุน 9.น.ส.สู่ จิ้ง และ10.นายเฉิน อัน เฝ่ย

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ศป.ฉปทร.ตร. สืบพบว่ามีข้าราชการวัยเกษียณมากกว่า 10 คน ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ถูกหลอกให้โอนเงินนับล้านบาทเมื่อตรวจสอบเส้นทางการเงินพบว่าปลายทางมีการกดเงินจากไต้หวัน ที่ออกตระเวนกดเงินจากต่างประเทศ แทนการกดเงินในประเทศไทย เพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุม จึงประสานงานกับทางการไต้หวันเพื่อระดมกวาดล้างครั้งใหญ่ ซึ่งเพียงสัปดาห์เดียวสามารถจับกุมเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ซือโถวได้ในอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้นในเมืองไถหนานซึ่งอยู่ตอนใต้ จำนวน 10 คน และคนกดเงินอีก 11 คน รวมเป็น 21 คน ชุดศป.ฉปทน.ตร. ประสานข้อมูลหมายจับของไทย ซึ่งเป็นผู้ต้องหาชาวไต้หวันทั้ง 29 ราย ให้กับทางการไต้หวัน ให้ช่วยดำเนินการติดตามจับกุม เช่นเดียวกันหากผู้ต้องหาทั้ง 29 รายหลบหนีออกจากไต้หวันก็ให้แจ้งข้อมูลการสืบสวนมายังตำรวจไทยเพื่อที่จะช่วยจับกุมอีกทางหนึ่ง

พล.ต.ต.สุเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ตำรวจท่องเที่ยวยังแสวงหาความร่วมมือในด้านอาชญากรรมรูปแบบอื่นๆที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ทั้งกรณีผู้ก่อเหตุเป็นทั้งชาวไทยและชาวไต้หวัน อย่างไรก็ตามปฎิเสธไม่ได้ว่าปัจจุบันอาชญากรรมทางเทคโนโลยีส่งผลกระทบต่อภัยความมั่นคงและทำลายภาพลักษณ์ของประเทศ ซึ่งต้องแสวงหาความร่วมมือร่วมกันในการปราบปรามอาชญากรรมทุกรูปแบบ

ด้านนายหลู ซุน ฉาง กล่าวว่า จากการประสานความร่วมมือในการข่าวระหว่างตำรวจไทยและตำรวจไต้หวัน ทำให้ตำรวจไต้หวันทราบเบาะแสสำคัญที่นำไปสู่การแกะรอยทางเทคโนโลยี ซึ่งใช้เวลานานกว่า 3 เดือน ซึ่งข้อมูลที่ได้มาตรงกับของตำรวจไทย จึงวางแผนเข้าจับกุมนอกจากนี้ยังพบความเคลื่อนไหวของแก๊งคอลเซ็นเตอร์อีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการขยายผล พร้อมทั้งออกหมายจับผู้ต้องหาที่หลบหนีออกไปจากไต้หวันได้อีกสองราย อย่างไรด็ตามการประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยครั้งนี้ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ในส่วนคนไทยทั้ง 18 รายที่ถูกจับกุมเมื่อปีที่ผ่านมาอยู่ระหว่างการดำเนินคดีในไต้หวัน ซึ่งหากรับโทษตามกฏหมายเสร็จสิ้นก็จะทำการส่งตัวคนไทยทั้ง 18 ราย กลับไปดำเนินคดีที่ประเทศไทยทันที

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image