| ที่มา | มติชนรายวัน |
|---|---|
| เผยแพร่ |
ความคืบหน้ากรณีตำรวจกองปราบปรามเปิดปฏิบัติการเข้าตรวจค้น 3 วัดดังในกรุงเทพฯ ประกอบด้วย วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร วัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร และวัดสามพระยาวรวิหาร ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินงบประมาณในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา หรือเงินทอนวัด จับกุมพระเถระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูป นำตัวไปฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ทำให้พระทั้ง 5 รูปต้องลาสิกขา ส่วนพระพรหมสิทธิ (ธงชัย สุขญาโณ) เจ้าอาวาสวัดสระเกศ และพระพรหมเมธี (จำนงค์ ธมฺมจารี) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ซึ่งเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม ได้หลบหนีและอยู่ระหว่างการติดตามตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม (ผบก.ป.) ยังคงสั่งการให้ชุดสืบสวนกองปราบฯเร่งสืบสวนติดตามจับกุมตัวสองพระผู้ใหญ่ผู้ต้องหาคดีเงินทอนวัดอย่างต่อเนื่อง โดยมอบหมายให้ พ.ต.อ.ธงชัย อยู่เกษ ผกก.1 บก.ป. จัดชุดสืบสวนติดตามตัวพระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศ ที่น่าเชื่อว่าจะยังคงซ่อนตัวอยู่ในกรุงเทพฯ และมอบหมายให้ พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.3 บก.ป. นำทีมสืบสวนติดตามตัวพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศารามวรวิหาร โดยในส่วนของพระพรหมเมธีนั้นจากการสืบสวนมีการคาดกันว่าอาจจะหลบหนีด้วยการพรางตัวในชุดฆราวาสก็เป็นได้
รายงานข่าวจากชุดสืบสวนทราบว่า นอกจากพระชั้นผู้ใหญ่ทั้งสามรูปประกอบด้วย พระพรหมดิลก ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมตัวได้แล้ว พระพรหมสิทธิ และพระพรหมเมธี 2 ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี จะมีความผิดฐานฟอกเงินกรณีทุจริตเงินทอนวัดแล้วยังพบว่าพระผู้ใหญ่ทั้งสามรูป พัวพันกับการวิ่งเต้นการเลื่อนตำแหน่งหรือสมณศักดิ์ของพระสงฆ์ที่อยู่ภายใต้การปกครองด้วย โดยมีการเรียกรับผลประโยชน์ในรูปแบบต่างๆ ที่เอื้อประโยชน์ให้กับตนเองและพวกพ้อง โดยเฉพาะกรณีของพระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา และเจ้าคณะกรุงเทพมหานครนั้น ในวันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามบุกเข้าจับกุมตัวและตรวจค้นภายในกุฏิได้พบเอกสารที่เกี่ยวกับการเลื่อนสมณศักดิ์ของพระสงฆ์จำนวนหลายรูป ซึ่งตรงกับแนวทางการสืบสวนที่พบว่าพระที่ปรากฏในเอกสารที่ยึดได้บางรูปนั้นเกี่ยวพันกันกับการวิ่งเต้นเพื่อขอเลื่อนสมณศักดิ์ในแต่ละปีอีกด้วย
