ย้อนคดี ‘ทุจริตบ่อบำบัดคลองด่าน’ 9 ปี ‘วัฒนา อัศวเหม’ ล่องหน ศาลนัดชี้ชะตาอ่านฎีกาพรุ่งนี้!!

เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม มีรายงานถึงความคืบหน้าคดีทุจริตโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่านว่า ในวันที่ 30 พฤษภาคมนี้ เวลา 09.00 น. ศาลแขวงดุสิต ซอยสีคาม ถนนนครไชยศรี ได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาครั้งที่ 2 คดีฉ้อโกงซื้อที่ดินและสัญญาโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย อ.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ ที่กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง 1.กิจการร่วมค้า เอ็นวีพีเอสเคจี (NVPSKG) 2.บริษัท วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้างฯ 3.นายพิษณุ ชวนะนันท์ กรรมการ บริษัท วิจิตรภัณฑ์ก่อสร้างฯ 4.บริษัท ประยูรวิศว์การช่างฯ

5.นายสังวรณ์ ลิปตพัลลภ กรรมการ บริษัท ประยูรวิศว์การช่างฯ 6.บริษัท สี่แสงการโยธา (1979)ฯ 7.นายสิโรจน์ วงศ์สิโรจน์กุล กรรมการ บริษัท สี่แสงการโยธาฯ 8.บริษัท กรุงธนเอนยิเนียร์ฯ 9.นายนิพนธ์ โกศัยพลกุล กรรมการ บริษัท กรุงธนเอนยิเนียร์ฯ 10.บริษัท เกตเวย์ดิเวลลอปเมนท์ฯ 11.นายรอย อิศราพร ชุตาภา กรรมการ บริษัท เกตเวย์ดิเวลลอปเมนท์ฯ 12.บริษัท คลองด่านมารีน แอนด์ ฟิชเชอรี่ฯ 13.นายชาลี ชุตาภา กรรมการ บริษัท คลองด่านมารีนฯ 14.นายประพาส ตีระสงกรานต์ กรรมการ บริษัท คลองด่านมารีนฯ 15.นายชยณัฐ โอสถานุเคราะห์ กรรมการ บริษัท คลองด่านมารีนฯ 16.บริษัท ปาล์ม บีช ดีเวลลอปเมนท์ฯ 17.นางบุญศรี ปิ่นขยัน กรรมการ บริษัท ปาล์ม บีชฯ

18.นายกว๊อกวา โอเยง สัญชาติฮ่องกง ในฐานะผู้แทนบริษัท ปาล์ม บีชฯ และ 19.นายวัฒนา อัศวเหม อดีต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นจำเลยที่ 1-19 ในความผิดฐานฉ้อโกงการจัดซื้อที่ดิน อ.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ เนื้อที่รวม 1,900 ไร่ มูลค่า 1.9 พันล้านบาท เพื่อก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสียคลองด่าน แต่ที่ดินที่จัดซื้อมานั้นเป็นของกลุ่มบริษัทพวกจำเลยที่จัดหามา ซึ่งเป็นลำคลอง ถนนสาธารณะ และป่าชายเลน พร้อมฉ้อโกงสัญญาก่อสร้าง มูลค่ากว่า 2.3 หมื่นล้านบาท

คดีนี้จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ โดยในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ ศาลแขวงดุสิต ให้ยกฟ้องในส่วนของกิจการร่วมค้า NVPSKG จำเลยที่ 1 และสั่งประทับรับฟ้องคดีไว้พิจารณาเฉพาะจำเลยที่ 2-19 คงเหลือจำเลยที่เข้าสู่กระบวนพิจารณาและมีคำพิพากษาของศาลรวม 18 รายเท่านั้น
ต่อมาเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2552 ศาลแขวงดุสิตได้อ่านคำพิพากษา โดยพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานทั้ง 2 ฝ่ายที่นำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า พวกจำเลยกระทำผิดจริง จึงพิพากษาจำคุกจำเลยที่ 3, 5, 7, 9, 11, 13-15, 17, 18 และนายวัฒนา จำเลยที่ 19 คนละ 3 ปี
ส่วนจำเลยที่ 2, 4, 6, 8, 10, 12 และ 16 ปรับรายละ 6,000 บาท ทั้งนี้ ระหว่างอุทธรณ์คดี จำเลยที่ 3, 5, 7, 9, 11, 13-15, 17, 18 ได้ประกันตัวคนละ 1 ล้านบาท ส่วนนายวัฒนา จำเลยที่ 19 หลบหนีคดี ศาลจึงสั่งให้ออกหมายจับ ปรับนายประกัน

พวกจำเลยยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องด้วย

Advertisement

ต่อมาวันที่ 19 พฤศจิกายน 2556 ศาลแขวงดุสิตได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ช่วงเวลาที่บริษัท ปาล์ม บีชฯ จำเลยที่ 16 ซื้อที่ดินเพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างบ่อบำบัดน้ำเสีย ยังไม่แน่ชัดว่าโครงการจะใช้ที่ดินบริเวณใดบ้าง โดย คพ.เพิ่งมีโครงการชัดเจนว่าจะใช้ที่ดิน ต.คลองด่าน ในเดือน กุมภาพันธ์ 2539 พยานหลักฐานโจทก์จึงยังไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ว่า พวกจำเลยเข้ามาเกี่ยวข้องหรือดำเนินการใดๆ ให้คณะกรรมการคัดเลือกของ คพ.เลือกที่ดินของบริษัท คลองด่านมารีนฯ จำเลยที่ 12 อุทธรณ์ของจำเลยที่ 2-19 ฟังขึ้น พิพากษากลับให้ยกฟ้องจำเลย

ต่อมากรมควบคุมมลพิษ (คม.) ได้ยื่นฎีกา ขอให้ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษพวกจำเลยด้วย กระทั่งวันที่ 7 มีนาคม 2561 ศาลแขวงดุสิตได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีนี้

อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงวันนัด ศาลแขวงดุสิตได้มีคำสั่งเลื่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีนี้ เนื่องจากจำเลยที่ 11-13, 15 และ 19 ไม่มาศาล โดยจำเลยบางคนยังไม่ได้รับหมายนัดเพราะเปลี่ยนแปลงที่อยู่ และจำเลยบางส่วนไม่มีเลขที่พักแน่ชัดเพราะถูกไฟไหม้ รวมทั้งจำเลยบางรายมีอาการป่วยเข้ารับการผ่าตัด ต้องใช้เวลาพักฟื้นร่างกาย ขอเลื่อนฟังคำพิพากษาศาลฎีกาไปก่อน

Advertisement

ศาลพิจารณาแล้วจึงให้ส่งหมายนัดใหม่ หากไม่มีผู้รับให้ปิดหมายแทน และนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีนี้อีกครั้งวันที่ 30 พฤษภาคมนี้ เวลา 09.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับนายวัฒนา จำเลยที่ 19 นั้น หลบหนีคดีตั้งแต่ปี 2552 โดยศาลแขวงดุสิตสั่งออกหมายจับไว้แล้ว นอกจากนี้เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2551 นายวัฒนายังถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก 10 ปี ฐานใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งโดยมิชอบ จูงใจให้เจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดิน จ.สมุทรปราการ ออกโฉนดที่ดินใน อ.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ เนื้อที่ 1,900 ไร่ ให้กับบริษัท ปาล์ม บีช ดีเวลลอปเมนท์ฯ แต่นายวัฒนาหลบหนีคดีไม่มาฟังคำพิพากษา ศาลฎีกาจึงสั่งออกหมายจับเพื่อติดตามนำตัวนายวัฒนามารับโทษตามคำพิพากษา 10 ปี ซึ่งคดีดังกล่าวมีอายุความ 15 ปี

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image