‘ปลัดแคท’ ฟ้อง ‘ส.อ.กฤษฎ์หิรัญ’ หมิ่นหากรรโชกทรัพย์ เรียกค่าเสียหาย 20 ล้าน

เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก น.ส.คัธลิยา รุ่งพนารัตน์ หรือปลัดแคท ปลัดเทศบาลตำบลเสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี พร้อมนายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความ เดินทางมาเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายกฤษฎ์หิรัญ หรือ ส.อ.กฤษฎ์หิรัญ พิชญาภัคปุณณาสา เจ้าพนักงานจัดเก็บรายได้ระดับปฏิบัติงาน เทศบาลตำบลเสาธงหิน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี ผู้ใต้บังคับบัญชาของโจทก์ เป็นจำเลย ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา, ละเมิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน จำนวน 20 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี พร้อมโฆษณาผลคำพิพากษาและคำขอโทษโจทก์ในเฟซบุ๊กจำเลยและสื่อติดต่อกันเป็นเวลา 7 วัน โดยค่าใช้จ่ายของจำเลย

นายอนันต์ชัยให้สัมภาษณ์ว่า น.ส.คัธลิยาฟ้องนายกฤษฎ์หิรัญ หรือ ส.อ.กฤษฎ์หิรัญ ที่โพสต์เฟสบุ๊กในทำนองว่ามีคนไปทำร้ายร่างกายและขู่กรรโชกทรัพย์ที่ทำงานเทศบาลตำบลเสาธงหิน ทำให้ประชาชนและผู้สื่อข่าวสำนักต่างๆ ติดตามสนใจทำข่าว ปรากฏว่ามีการเข้ามาคอมเมนต์ในทำนองที่ตำหนิติเตียนปลัดแคทว่าเป็นผู้มีอิทธิพล พอนักข่าวมาสัมภาษณ์ ส.อ.กฤษฎ์หิรัญได้พาดพิงถึงปลัดว่าคนที่ให้มาทำร้ายร่างกายคือปลัดแคท หรือเป็นคนอยู่เบื้องหลัง แล้วยกยอปอปั้นตนเองว่าเป็นข้าราชการที่ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตตรงไปตรงมา ทำให้กลายเป็นฮีโร่ในสายตาของประชาชน ที่พาดพิงไปถึงปลัดแคททำให้ผู้บังคับบัญชาและประชาชนเข้ามาตำหนิติเตียนปลัดแคทเป็นจำนวนมาก

นายอนันต์ชัยกล่าวต่อไปว่า ปลัดแคทเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ไต่เต้ามาจากพยาบาล แล้วได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาจนกลายเป็นปลัดเทศบาล ถือว่าเป็นตำแหน่งข้าราชการชั้นสูงของเทศบาลตำบลเสาธงหิน การที่มีข่าวออกมาในทำนองพาดพิงว่าอยู่เบื้องหลังในการทำร้ายข้าราชการคนดังกล่าวทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงเกียรติยศเป็นจำนวนมาก แล้วที่สำคัญที่สุดคือ ปรากฏมีกล้องวงจรปิดเปิดเผยว่าช่วงระยะเวลาดังกล่าวที่มีการกล่าวอ้างว่ามีการทำร้ายร่างกาย ทางข้าราชการคนดังกล่าวเดินออกมากับผู้ต้องหาที่เป็นคนร้ายชัดเจน หลังจากนี้แล้วตนจะเร่งรัดสอบถามคดีที่ จ.นนทบุรี ดังกล่าวว่าไปถึงไหน เพราะหากเรื่องนี้ไม่เป็นความจริง เราอาจจะดำเนินคดีแจ้งความเท็จ

“วันนี้ผมและปลัดแคทรวมถึงพี่น้องชาวเสาธงหินมาให้กำลังใจเธอ อยากเรียนว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้มีความสามารถไปทำร้ายร่างกาย หรือสั่งทำร้ายร่างกายกรรโชกทรัพย์ ที่สำคัญที่สุดเลยในการกรรโชกทรัพย์มีการให้โอนเงินเข้าบัญชี 10,000 บาท มันเป็นการผิดวิสัยของโจรผู้ร้ายทั่วไป ปกติกรรโชกก็ต้องไปเอาเงินเลยเป็นเงินสด แต่นี่เป็นการโอนเงิน พอมีการโอนเงินปั๊บก็มีหลักฐานในการสืบสวนสอบสวน แน่นอนมันผิดสังเกต ถ้าหากมีคนอยู่เบื้องหลังเราก็จะลากคอไอ้คนที่ทำแบบนี้กับปลัด ซึ่งเป็นข้าราชการชั้นสูง ดังนั้นเราจึงอยากเรียกร้องให้ประชาชนทุกคนที่ฟังข่าวสารมาก่อนหน้านี้คอยดูและติดตามเรื่องนี้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป ผมจะกระชากหน้ากากคนที่บอกว่ามันดี เลิศ เป็นข้าราชการน้ำดี ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ แต่คนอื่นเลวหมด ข้าราชการคนอื่นเลวหมด ฉะนั้นขอฝากสื่อมวลชนและประชาชนทุกคนด้วย” นายอนันต์ชัยกล่าว

Advertisement

ด้าน น.ส.คัธลิยากล่าวว่า อยากจะเรียนว่าตลอดเวลา 30 ปีที่ทำงานมา ได้ทำงานด้วยความมุ่งมั่นและความซื่อสัตย์สุจริต แล้วก็อยู่ในวินัยตลอดเวลา คำนึงถึงประชาชน เพราะฉะนั้นในกรณีที่ถูกกล่าวอ้างอยู่ตอนนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับตน เนื่องจากตนมีผู้ใต้บังคับบัญชา มีผู้บังคับบัญชาและประชาชน เขาอาจจะไม่เชื่อมั่นตามนโยบาย ดังนั้นวันนี้จึงมาขออำนาจศาล ขอความเมตตาให้ความเป็นธรรม เพื่อที่กอบกู้ศักดิ์ศรีตัวเองและครอบครัว แล้วก็ของประชาชนชาวเสาธงหิน พนักงานที่เป็นคนดีทุกคน

สำหรับคำฟ้องโจทก์ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2561 จำเลยได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวใช้ชื่อว่า “กฤษ แนบนุช” ว่า “ผมเป็นข้าราชการของเทศบาลตำบลเสาธงหิน แต่สิ่งที่ผมเจอวันนี้ คือความไม่มั่นใจในความปลอดภัยในชีวิตของผม ที่ตั้งมั่นทำงานรับใช้ประชาชน แต่กลับถูกทำร้ายร่างกายในสถานที่ทำงานอยู่หลายครั้ง แล้วจะมีใครรับผิดชอบกับเหตุการณ์นี้ มันบ้านป่าเมืองเถื่อนแล้วหรือไงครับ แม้แต่ข้าราชการอย่างผมยังถูกรังแก แล้วประชาชนละครับจะได้รับกับอะไร # ข้าราชการอย่างผม ต่อสู้กับความถูกต้องแต่ต้องแลกกับชีวิต # ขอความช่วยเหลือกับสิ่งที่ผมเจอ เพื่อหวังว่าข้าราชการทุกท่านจะไม่เจออย่างผม # ข้าราชการถูกทำร้ายร่างกาย เพราะทำงานอย่างตรงไปตรงมา”

ต่อมาวันที่ 23 พฤษภาคม 2561 จำเลยได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนสถานีโทรทัศน์ช่องเวิร์คพอยท์, ช่อง 7, ช่อง 8 และสื่อต่างๆ ว่าจำเลยเป็นข้าราชการทำงานอยู่ภายในห้องสมุดเทศบาล แล้วจู่ๆ มีคนร้ายบุกเข้าไปทำร้ายร่างกายและขู่กรรโชกทรัพย์เอาเงินไปจำนวน 10,000 บาท โดยมีรายละเอียดที่จำเลยให้สัมภาษณ์ใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สาม ซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริง ซึ่งเมื่อประชาชนโดยทั่วไปได้ยินได้ฟังคำให้สัมภาษณ์ของจำเลยแล้วย่อมเข้าใจว่า โจทก์ซึ่งชื่อเล่นว่า “ปลัดแคท” เป็นผู้ใช้หรือเป็นผู้อยู่เบื้องหลังให้คนร้ายไปทำร้ายจำเลยและขู่กรรโชกทรัพย์จำเลย อันเป็นความเท็จ ความจริงแล้วโจทก์ไม่ได้รู้จักกับคนร้ายที่ทำร้ายจำเลยและข่มขู่กรรโชกทรัพย์จำเลยแต่อย่างใด ไม่เคยใช้คนร้ายหรืออยู่เบื้องหลังคนร้าย และไม่มีสาเหตุโกรธเคืองใดๆ กับจำเลย การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทโจทก์โดยการโฆษณาและเป็นการกระทำละเมิดให้ได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียง เกียรติยศ ทางเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน

Advertisement

หลังการยื่นฟ้อง ศาลได้รับไว้ในสารบบเป็นคดีหมายเลขดำที่ อ.1653/2561 นัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 10 กันยายน 2561 เวลา 09.00 น.

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image