“นักบิด”ทวงสิทธิ “ขึ้นสะพาน-ลอดอุโมงค์”

อุบัติเหตุเมื่อ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา เมื่อ ร.ต.ท.ชัยยัณห์ ทองคำชุม อายุ 30 ปี รอง สวป.สน.ลาดพร้าว ชาว จ.นครศรีธรรมราช ขี่รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ชนแท่งปูนแบริเออร์สะพานภูมิพล 1 เป็นเหตุให้ น.ส.ขวัญฤทัย ชัยนาคิน แฟนสาววัย 23 ปี ชาว จ.สุราษฎร์ธานี ตกจากรถจักรยานยนต์ ก่อนจะถูกรถบรรทุก 6 ล้อที่วิ่งตามหลังมาทับร่างเสียชีวิตในท้องที่ สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ กลายเป็นกระแสสังคม เป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ เนื่องจากสะพานดังกล่าวเป็น 1 ใน 45 สะพานและอุโมงค์ข้ามแยกที่ห้ามรถจักรยานยนต์และรถล้อเลื่อนลากเข็นขึ้นใช้สัญจร

ความเสียใจของผู้ที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักก็เรื่องหนึ่ง เรื่องการกระทำผิดกฎหมายโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียเองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

พล.ต.ต.อดุลย์ ณรงค์ศักดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) รับผิดชอบงานจราจร ได้ออกข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจรในเขตกรุงเทพมหานคร (ชั่วคราว) ว่าด้วยการห้ามรถบางชนิดและรถล้อเลื่อนลากเข็นเดินบนสะพานข้ามทางร่วมทางแยก และในอุโมงค์ลอดทางแยก พ.ศ.2559 โดยอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก โดยบังคับใช้เป็นเวลา 90 วัน นับจากวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา

สำหรับสะพานข้ามแยกที่ห้ามเดินรถทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานครมีทั้งสิ้น 39 สะพาน อาทิ สะพานข้ามแยกคลองตัน สะพานข้ามแยกอโศกเพชร สะพานข้ามแยกสามเหลี่ยมดินแดง สะพานข้ามแยกตึกชัย สะพานข้ามแยกประตูน้ำ สะพานข้ามแยกยมราช สะพานข้ามแยกไทย-เบลเยียม สะพานข้ามแยกบางพลัด สะพานข้ามแยกวงศ์สว่าง และสะพานข้ามแยกราชเทวี เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังออกข้อบังคับห้ามรถจักรยานยนต์วิ่งในอุโมงค์ลอดทางแยกทั่วพื้นที่กรุงเทพมหานครทั้งหมด 6 อุโมงค์ ได้แก่ อุโมงค์วงเวียนบางเขน อุโมงค์พัฒนาการรามคำแหง 24 อุโมงค์ศรีอุดม อุโมงค์บรมราชชนนี อุโมงค์บางพลัด และอุโมงค์ท่าพระ

ADVERTISMENT

อย่างไรก็ดี พบว่าการห้ามรถจักรยานยนต์ใช้สะพานภูมิพลได้ถูกคัดค้านจากบรรดาผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ เนื่องจากเมื่อไม่สามารถขึ้นสะพานดังกล่าวได้ เหล่าสิงห์นักบิดจำต้องอ้อมหลายกิโลเมตรไปใช้สะพานกรุงเทพแทน

กระทั่งเมื่อช่วงเย็น 31 มีนาคม หลังปิดสะพานได้เพียง 1 วัน มีการแชร์ภาพจากเพจ “เรารักด่านตรวจ” เป็นเหตุการณ์การรวมตัวประท้วงกันของผู้ใช้รถจักรยานยนต์ โดยผู้ขับขี่อยู่บริเวณสะพานภูมิพลฝั่งทางลงสุขสวัสดิ์ ได้ปิดสะพาน เนื่องจากมีด่านตำรวจรออยู่ข้างล่าง

ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งเป็นผู้เดือดร้อนระบุว่า “คุณๆ ที่ขับรถยนต์ก็ต้องเข้าใจบ้างนะครับ ถ้าทุกวันนี้ไม่มีสะพานภูมิพลให้ข้าม คุณลองคิดสิครับว่า พวกคุณจะเดินทางไปทำงานหรือใช้ชีวิตกันลำบากกว่าเดิมขนาดไหน คนใช้มอเตอร์ไซค์ก็ลำบากเหมือนกับพวกคุณแหละครับ ถ้าไม่ใช้สะพานก็ต้องขับไปอ้อมสะพานกรุงเทพ หรือไม่ก็รอแพเสียเวลาเดินทางเพิ่มกันเป็นชั่วโมง เห็นใจกันบ้างสิครับ มอเตอร์ไซค์ก็เสียภาษีรถไม่ต่างจากทุกๆคน ทำไมถึงแก้กฎหมายข้อนี้ไม่ได้ล่ะครับ”

ต่อมากลุ่มจักรยานยนต์ก็ได้รวมตัวยื่นฟ้องศาลปกครองให้เพิกถอนข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจรดังกล่าว

ด้าน พ.ต.ต.ปรเมศร์ ตั้งจิตสมาธิ สว.จร.สภ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ได้ออกมาชี้แจงให้เข้าใจว่า โครงสร้างการก่อสร้างสะพานภูมิพลไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้รถจักรยานยนต์ข้าม ที่ผ่านมามีการฝ่าฝืนจนทำให้เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง และบางครั้งถึงขั้นเสียชีวิต

ขณะที่ พ.ต.อ.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รองผู้บังคับการตำรวจจราจร (รอง ผบก.จร.) เปิดเผยว่า สำหรับกฎที่ออกมา โดยไม่ให้รถจักรยานยนต์ขึ้นสะพานและลอดอุโมงค์ เป็นเพราะเกรงว่าจะเกิดอันตรายนั้น เนื่องจากเล็งเห็นว่าการขึ้นสะพานข้ามแยกต่างๆ จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุ นำมาซึ่งความเสียหายทั้งร่างกายและทรัพย์สิน มีการคำนวณพื้นผิวถนนบนสะพานที่ปกติสะพานทั่วไปจะมีความกว้างประมาณ 6-7.50 เมตร รถยนต์ปกติ อาทิ รถเก๋ง รถกระบะ หรือรถที่สามารถบรรทุกผู้โดยสารไม่เกิน 7 คน จะมีความกว้าง 3-3.5เมตร ดังนั้น หากรถยนต์ขึ้นสะพานซ้อนกันเพียง 2 คัน ก็เต็มพื้นผิวแล้ว จึงไม่มีพื้นที่เหลือว่างให้รถจักรยานยนต์ขี่ขึ้นไป อาจจะถูกเกี่ยว เฉี่ยวชนได้ แต่คงต้องรอฟังคำตัดสินของศาลปกครอง เพื่อดำเนินการตามความเหมาะสมต่อไป

รศ.เอนก ศิริพานิชกร ประธานสาขาวิศวกรรมโยธา วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) ให้ความเห็นด้วยว่า สำหรับกรณีนี้แบ่งออกได้เป็น 2 ประเด็น คือ 1.การออกแบบทางวิศวกรรม อย่างที่เห็นการออกแบบสะพานภูมิพล เป็นการออกแบบเพื่อรถยนต์ ฉะนั้น เรื่องกำลังรถ ความลาดชัน ระยะเบรก หรือความเร็วที่ควรใช้จึงเป็นของรถยนต์ พอเป็นจักรยานยนต์ทั่วไปที่ไม่ใช่ “บิ๊กไบค์” มาใช้งานบนสะพานจึงทำให้ไม่ปลอดภัย

“อย่างที่เห็นรถจักรยานยนต์ทั่วไปจำเป็นต้องเร่งเครื่องมากเวลาขึ้นสะพาน กำลังของรถไม่สามารถไต่ความชันของสะพานที่ออกแบบมาเพื่อรถยนต์ได้ การเร่งเครื่องมากขึ้นก็ส่งผลต่อสมดุลในการทรงตัวและอาจเป็นอันตรายได้”

รศ.เอนกกล่าวเพิ่มเติมว่า 2.คือเรื่องของการควบคุมการเข้า-ออก โครงสร้างของสะพานภูมิพลมีความชันพอสมควร เนื่องจากเป็นถนนที่มีการควบคุมการเข้า-ออก เพราะเป็นการส่งจราจรในปริมาณที่สูง เหมือนอย่างมอเตอร์เวย์ที่ไม่อนุญาตให้มอเตอร์ไซค์เข้าไปใช้เพราะว่าใช้ความเร็วสูง จึงถูกออกแบบเพื่อรองรับความเร็วหรือการเปลี่ยนกำลังของเครื่องยนต์ ดังนั้น พอใช้รถจักรยานยนต์แล้วจะอันตรายมาก

“ตามความเห็นทางวิศวกรรม เพื่อความปลอดภัยแล้วรถจักรยานยนต์ไม่ควรขึ้นไป แต่ตามความจำเป็นของประชาชนที่ต้องใช้สะพานเพื่อย่นระยะทาง จึงควรพิจารณาแล้วต้องมีการออกข้อบังคับพิเศษ เช่น การทำเลนของรถจักรยานยนต์ให้มีเลนของตัวเอง หากสังเกตถนนไปปากช่อง ช่วงที่ไต่เขาจะมีทางคู่ขนาน เพื่อให้รถช้าวิ่งในทางคู่ขนาน อันนี้จะลดอุบัติเหตุได้ แต่ว่าขณะนี้เมื่อไม่มีเลนให้รถจักรยานยนต์ จึงห้ามใช้เพราะเป็นห่วงผู้ใช้จะเกิดอันตรายได้”

รศ.เอนกกล่าวสรุปว่า ในอนาคตเชื่อว่ามีความจำเป็นว่าเราใช้รถจักรยานยนต์กันมาก ฉะนั้น การออกแบบสิ่งก่อสร้างให้สอดคล้องจะมีส่วนทำให้การใช้ปลอดภัยขึ้น

ด้าน พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผู้ใช้รถจักรยานยนต์ระดับครูบาอาจารย์ กล่าวว่า กรณีนี้ได้ทำให้เห็นว่าตลอดเวลาที่่ผ่านมาสถานะของรถจักรยานยนต์บนท้องถนนนั้นยังคงคลุมเครือ ไม่มีความเท่าเทียมกับรถยนต์ ไม่มีที่ทางของตัวเองเลยแม้แต่น้อย ที่สำคัญคือ ความเป็นจริงในการขับขี่รถจักรยานยนต์บนท้องถนนกับกฎหมายนั้นไม่ตรงกัน

“ตัวอย่างเช่น เนื่องจากรถจักรยานยนต์ไม่มีเลนเป็นของตัวเอง ตามกฎหมายจึงถูกบังคับให้วิ่งในเลนซ้าย เป็นเลนที่วิ่งได้ยากเพราะมีรถโดยสารประจำทางวิ่งอยู่ หากคนขี่รถจักรยานยนต์จะแซงก็ต้องใช้เลนอื่น ก็มักจะเจอกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านรอไว้อยู่แล้ว ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว สมรรถภาพเครื่องยนต์ก็สามารถวิ่งในเลนอื่นๆ ได้เช่นกัน” พิชญ์กล่าวอีกว่า ได้ทำให้เกิดคำถามว่าทำไมบางสะพานขึ้นได้ บางสะพานขึ้นไม่ได้ หรือบางสะพานที่แต่ก่อนขึ้นได้กลับถูกทำให้ขึ้นไม่ได้แล้วอย่างสะพานไทย-เบลเยียม เป็นสะพานที่ขึ้นได้ ออกแบบมาให้รถจักรยานยนต์ขึ้นได้ แต่ทำไมปัจจุบันถึงขึ้นไม่ได้

“เดิมทีสะพานไทย-เบลเยียมมีเลนของรถจักรยานยนต์โดยเฉพาะ แต่ต่อมาเมื่อมีการทาสีก็ไม่ยอมทาสีเลนรถจักรยานยนต์ เริ่มเอาป้ายเลนรถจักรยานยนต์ออกและก็ห้ามขึ้นในที่สุด ทั้งที่การจราจรในบริเวณนั้นติดมาก”

พิชญ์กล่าวอีกว่า ในฐานะคนที่ขี่รถจักรยานยนต์ก็ต้องยอมรับว่าบางสะพานนั้นมีความอันตรายสูงจริง อย่างสะพานภูมิพล หรือสะพานไทย-ญี่ปุ่น แต่นั่นทำให้เกิดคำถามว่าทำไมก่อนที่จะก่อสร้างถึงไม่ได้มีการออกแบบให้รองรับการใช้งานของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ที่มีมากถึง 3 ล้านคันในกรุงเทพมหานคร

“คุณสร้างสะพานหลายสะพานแต่กลับไม่ให้ขึ้น ทั้งที่คนขี่รถจักรยานยนต์เองก็เป็นพลเมือง เป็นคนจ่ายภาษี ไม่ใช่อาชญากร”

พิชญ์กล่าวอีกว่า ทางออกของกรณีนี้มีได้หลายทาง อาทิ การสร้างทางขึ้นหรือเลนของรถจักรยานยนต์บนสะพานต่างๆ, มีการระบุเวลาการใช้งาน เช่น ให้ใช้ในช่วงเวลาเร่งด่วนได้ ไม่ใช่อ้างเรื่องความปลอดภัยแล้วห้ามขึ้นโดยไม่มีการพูดคุยกับกลุ่มผู้ขี่รถจักรยานยนต์เลย

“การอ้างว่าทำเพื่อความปลอดภัยในบางเรื่องนั้นเห็นด้วย อาทิ กรณีการใส่หมวกกันน็อก แต่ว่าจะห้ามเรื่องการขึ้นสะพานเพราะเรื่องความปลอดภัยมันต้องถามก่อนว่าทำไมการสร้างโครงการสาธารณะจึงไม่ให้ความสำคัญของคนขี่รถจักรยานยนต์ที่เป็นคนจำนวนไม่น้อย”

พิชญ์กล่าวอีกว่า ประเทศนี้ไม่เคยมีเลนของรถจักรยานยนต์ทั้งที่ประเทศไทยสามารถผลิตรถจักรยานยนต์ที่มีความเร็วถึง 250 ซีซีได้ เป็นอุตสาหกรรมส่งออกของประเทศ แต่กลับไม่มีสถานะบนท้องถนนในประเทศ

“มันเป็นความลักลั่น เป็นเรื่องตลกที่เกิดขึ้นในประเทศไทย” พิชญ์ฮุกคำทิ้งท้ายไว้