เหยี่ยวถลาลม : สมการการเมืองง่ายๆ 7ธ.ค.61

ภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เป็นคนหนึ่งที่อ่านได้ทะลุ จึงว่า พรรคพลังประชารัฐ มีความชัดเจนมาตั้งแต่แรก เพียงแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังไม่พูด

มีอะไรบังตาหรือ บางคนซึ่งเคยยืนต้านเผด็จการทหารมาตั้งแต่ยุค “ถนอม-ประภาส” ยุค 6 ตุลา 19 ยุคพฤษภาทมิฬ 35 จึงได้ยินดีปรีดากับการก่อรัฐประหาร

ในทางการเมืองไทยยังไม่ก้าวข้ามเส้นแบ่งระหว่าง “อารยธรรม” กับ “ป่าเถื่อน”!

กำลังรบกับอาวุธยุทโธปกรณ์สำหรับการสงครามจึงถูกนำไปใช้จี้บังคับและยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนด้วยข้ออ้างเดิมๆ เช่น กวาดล้างทุจริตคอร์รัปชั่น ควบคุมสถานการณ์ ยับยั้งจลาจลเพื่อความสงบเรียบร้อย ความมั่นคงของชาติ

Advertisement

ไม่ว่าผู้นำรัฐประหารจะใช้เวลานานหรือไม่นาน ที่สุดทุกคนก็สรรหาวิธี “สืบทอดอำนาจ” ที่โลกติเตียนน้อยลงด้วยการจัดตั้ง “พรรคการเมือง” ของตัวเองหรือพรรคการเมืองตัวแทนขึ้นมา

จอมพล ป. พิบูลสงคราม มีพรรคเสรีมนังคศิลา จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ มีพรรคชาติสังคม จอมพลถนอม กิตติขจร มีพรรคสหประชาไทย พล.อ.สุจินดา คราประยูร มีพรรคสามัคคีธรรม พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน มีพรรคเพื่อแผ่นดินและมาตุภูมิ

ไม่ต่างอะไรกับที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 จะมี “พรรคพลังประชารัฐ”

Advertisement

เป็นวิธีคิดเดิม วิธีการเดิม คือ ปล่อยให้เล่นกันไปสักพัก ระหว่างนั้นก็รอคอย กบดาน เก็บตัว เลือกทำแต่เรื่องที่ได้คะแนนนิยม ดังเช่น จอมพลสฤษดิ์ไฟเขียวให้นักศึกษาชุมนุมต่อต้านการเลือกตั้งสกปรกเมื่อต้นปี 2500 แต่พอถึงปลายปี “สฤษดิ์” ก็ปฏิวัติยึดอำนาจจากจอมพล ป.

มีเลือกตั้ง – ได้รัฐบาลพลเรือน – มีเรื่องที่ทำให้ผู้นำทหารเคือง – ปฏิวัติ – เขียนรัฐธรรมนูญ – จัดตั้งพรรคทหารหรือตัวแทน – เลือกตั้ง – ปฏิวัติ

ถ้าพูดความจริงตั้งแต่ “วันแรก” ที่ก่อการรัฐประหาร “ระบอบการปกครอง” อาจจะถูกเรียกชื่อใหม่

ทุกคณะจึงทำตัวเป็น “คนกลาง”

ผู้นำรัฐประหารบางคนถึงขั้นให้สัญญาว่า จะไม่เป็น นายกรัฐมนตรี แต่ภายหลังก็ “เสียสัตย์เพื่อชาติ” ส่วนบางคนบอกว่า “ขอเวลาไม่นาน” จนผู้คนเข้าใจว่า เมื่อสถานการณ์คืนกลับสู่ภาวะปกติ จะไม่หวนกลับมาอีก

แต่แล้ว สมการการเมือง ก็เช่นเดิม

เกือบร้อยปีมาแล้วที่วกวนอยู่อย่างนี้ !?!!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image