3 ศาลพิพากษายืน ฎีกาจำคุก ‘3 เกลอสายล่อฟ้า’ ว.5โฟร์ซีซั่น คุก1ปี ปรับ5หมื่น โทษจำคุกให้รอลงอาญา

เมื่อเวลา10.00น.วันที่ 19 มกราคม ที่ห้องพิจารณาคดี 911 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งศาลฎีกา คดีหมายเลขดำ อ.630/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นโจทก์และโจทก์ร่วมยื่นฟ้อง นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคประชาธิปัตย์  นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ และนายศิริโชค โสภา อดีต ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ผู้ดำเนินรายการ “สายล่อฟ้า” ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมบลูสกาย เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณา และดูหมิ่นเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 136, 326, 328 และ 332

ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 10 และ 15 กุมภาพันธ์ 2555 จำเลยร่วมกันจัดรายการ “สายล่อฟ้า” ออกอากาศผ่านดาวเทียมบลูสกาย มีเนื้อหาหมิ่นประมาทใส่ความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เสียหาย ทำนองว่าไม่เข้าร่วมภารกิจประชุมของรัฐสภา และน่าจะเดินทางไปกระทำภารกิจ ว.5 ที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์

โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา ว่าจำเลยทั้งสามกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท โดยการโฆษณาตามฟ้องจริงให้จำคุกจำเลยทั้งสาม คนละ 1 ปี ปรับคนละ 5 หมื่นบาท แต่จำเลยทั้งสามไม่เคยต้องโทษมาก่อน จึงให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี ส่วนศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น
ต่อมาโจทก์ร่วม- จำเลยยื่นฎีกา ส่วนอัยการโจทก์ไม่ได้ยื่นฎีกา

โดยในการนัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกาครั้งเเรกเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 61 ที่ผ่านมา
ทนายโจทก์ร่วมได้ยื่นคำร้องขอถอนฎีกา โดยมีเงื่อนไขให้จำเลยยอมรับผิด เเละขอโทษกับการกระทำดังกล่าว ซึ่งนายศิริโชคได้มีการโพสต์ขอโทษลงในเฟซบุ๊กเเละตั้งค่าสาธารณะศาลอาญาจึงส่งคำร้องให้ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณาเเละมีคำสั่งต่อไป

Advertisement

ในวันนี้ มีเพียงฝ่ายจำเลยคือ นายเทพไท  นายศิริโชค เเละนายชวนนท์ เดินทางมาศาล

โดยก่อนอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาศาลได้อ่านคำสั่งศาลฎีกาโดยไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฎีกาเนื่องจากมีการทำคำพิพากษาเสร็จสิ้นเเล้ว

หลังจากนั้นศาลฎีกาได้อ่านคำพิพากษาโดยศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมพร้อมพิเคราะห์คำร้องของคู่ความทั้งสองเเล้วเห็นว่า การพิเคราะห์พฤติการณ์ของจำเลยทั้ง3จะต้องวินิจฉัยในบริบท ปฏิกิริยา เเละภาพหรือท่าทางประกอบของผู้พูดซึ่งฉายาเอาอยู่ที่อ้างว่าเป็นเรื่องฉายาโจทก์ร่วมตอนเหตุการณ์น้ำท่วม  เเต่เมื่อพิจารณาถึงองค์ประกอบอื่นเห็นว่าคำว่า ”เอาอยู่”  ทำให้วิญญูชนเจ้าใจได้ว่าโจทก์ซึ่งมีสามีเเละบุตรชายหนีประชุมสภาไปที่โรงเเรมโฟรซีซั่นเพื้อประพฤติในทางชู้สาวมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลอื่นไม่ใช่การติชมด้วยความเป็นธรรมที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมานั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยพิพากษายืน
ส่วนมีเหตุให้รอลงอาญาหรือไม่นั้นศาลเห็นว่า เเม้การกระทำของจำเลยทั้ง3จะไม่ชอบด้วยกฎหมาย เเต่หลักการบริหารประเทศย่อมต้องมีความโปร่งใสโจทก์ร่วมก็ไม่ได้ชี้เเจงสาเหตุการไปที่โรงเเรมโฟร์ซีซั่นดังกล่าวให้สาธารณชนรับทราบเเม้ในปัจจุบันนี้ ก็ยังไม่มีการชี้เเจงคงมีเพียงคำเบิกความในชั้นศาลที่ว่าไปพบนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งหากเป็นความจริงก็ย่อมที่จะไม่จำเป็นต้องปกปิดการกระทำเป็นความลับทำให้เกิดความสงสัย การกระทำของจำเลยที้ง3เเม้ไม่ชอบด้วยกฎหมายเเต่ก็มีเจตนาดีสังคม ส่วนที่โจทก์ร่วมฎีกาว่าจำเลยยังเคยต้องโทษรอลงอาญาในคดีหมิ่นประมาทที่ อ.3545/2558 นั้นพฤติการณ์เป็นคนละเเบบกัน โทษจึงให้รอลงอาญาไว้2ปี

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image