เหยี่ยวถลาลม : พรุ่งนี้แล้วสินะ

ต้องจดจำเอาไว้อย่าได้ลืมเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์

6 ตุลาคม 2519

43 ปีก่อน

ก่อนที่ไทยจะลงมือฆ่าไทยต้องมีคนคิด คนวางแผน ประโคมข่าว สร้างเรื่อง บิดเบือน ใส่ร้ายป้ายสีก่อนจะจบลงที่ “ล้อมฆ่า” หรือสังหารหมู่โดยเจ้าหน้าที่รัฐ

Advertisement

ต้องยอมรับความผิดพลาดในอดีตเพื่อประเทศของเราจะไม่ย่ำไปในรอยเท้าเดิม

นั่นหมายถึง “รัฐ” ต้องไม่ใช้ความรุนแรงในการปราบปราม “คนเห็นต่าง” ไม่ว่าจะด้วยการใช้อาวุธหรือใช้กลไกในกระบวนการยุติธรรมข่มเหง รังแก กลั่นแกล้งเอาคนเข้าคุก

“6 ตุลาคม 2519” เป็นบาดแผลที่ครั้งหนึ่งแม้แต่นายทหารนักรบผู้โด่งดังจากการศึกสงครามแถวตาพระยาก็เคยยอมรับว่า “ถูกหลอก” ให้นำกำลังทหารมุ่งหน้าสู่ กทม. เพื่อปราบปรามคอมมิวนิสต์ที่ยึดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นฐานที่มั่น

การล้อมปราบหรือกล่าวอย่างตรงไปตรงมาคือ การล้อมฆ่า กลายเป็น “ความชอบธรรม” !!

จาก 6 ตุลาคม 2519 ถึงพฤษภาทมิฬ 2535 มาจนถึง การใช้สไนเปอร์ส่องโหดเมื่อครั้ง “พฤษภา 2553” นั้นเป็นประวัติศาสตร์แห่งการก่ออาชญากรรมซ้ำแล้วซ้ำอีกของรัฐไทย ซึ่งทุกครั้งที่รัฐหรือที่เรียกตัวเองว่า    “ฝ่ายความมั่นคง” เกิดความกลัวขึ้น ก็จะปั้นเรื่องราวด้วยเนื้อหาเดิมๆ แล้วปลุกปั่นสร้างกระแสใส่ร้ายป้ายสีก่อนจะลงมือทำลาย

ก่อนเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ก็เช่นกัน

เมื่อพลัง “สามประสาน” ของนักศึกษา-ชาวไร่ชาวนา-กรรมกร เริ่มพัฒนาเข้มแข็ง “รัฐ” หรือ “ฝ่ายความมั่นคง” ก็ปั้น “สามประสาน” อีกด้านคือ กระทิงแดง (นักเรียนสายอาชีวะที่มีการจัดตั้ง)-นวพล-ลูกเสือชาวบ้าน

ให้มวลชนบดขยี้มวลชน ใช้วิธีแบ่งแยกแล้วปกครอง !

กว่าจะเกิดเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ขึ้นได้ต้องมีการบรรจงสร้าง

ทุกกรณีของการทำลายล้างฝ่ายที่คิดต่างหรือฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองต้องมีแผนเป็นขั้นเป็นตอน

การรำลึกถึง “6 ตุลา 19” เป็นการศึกษาเรื่องราวของความรุนแรงในอดีตเพื่อป้องกันประวัติศาสตร์ซ้ำรอย หลีกเลี่ยงการปะทะนองเลือดซึ่งทุกครั้งพิสูจน์ได้ว่า มีผู้เจตนาฆ่าและลอยนวล

การเมืองไทยในวันนี้ยังคงวนเวียนอยู่เช่นเดิม

รัฐไทยยังล้าสมัย พร้อมที่จะใช้ความรุนแรงบดขยี้ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น “ภัยความมั่นคง”

เหตุการณ์แบบเดียวกับ 6 ตุลาคม 2519 ยังเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา !?!!

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image