การกำหนดศัตรู กำหนดเป้าหมาย กำหนดพื้นที่ กำหนดรูปแบบ กำหนดยุทธวิธีการทำลาย ปั่นหัว ข่มขวัญ ทำให้หวาดกลัว แบ่งแยกแล้วแยกโจมตีทีละส่วน ใช้กำลังส่วนมากเข้าบดขยี้ส่วนน้อย กลยุทธ์เพื่อชัยชนะทั้งหมดมีอยู่ใน “ตำราพิชัยสงคราม”
การศึกสงครามเป็นเรื่องสำคัญมาตั้งแต่ครั้งโบราณ เพราะเกี่ยวพันกับการดำรงอยู่การสูญสิ้นของรัฐ และชีวิตของผู้คน
ความรู้จากตำรับตำราพิชัยสงครามแต่เดิมนั้นเหมาะใช้กับ “การสงคราม” แต่ปัจจุบันถูกนำไปใช้อย่างกว้างขวาง แม้กระทั่งทางธุรกิจก็ไปปรับปรุงพลิกแพลงใช้ดำเนินกลยุทธ์ทางการค้าเพื่อเอาชนะคู่แข่ง
ในเวทีการเมืองปัจจุบันก็ใช้ตำราพิชัยสงครามเอาชนะคู่แข่งขันทางการเมือง แต่ก็มี “กรอบ” คือเป็นการต่อสู้ระหว่างคนมือเปล่ากับมือเปล่า เป็นการต่อสู้ด้วยปาก ไม่ใช่ด้วยปืน เป็นการต่อสู้ด้วย นโยบาย ที่ชี้ชวนกันด้วยเหตุผล
ไม่ใช่บังคับขู่เข็ญให้เป็นไปตามทิศทางปลายกระบอกปืน !
ในส่วน “กองทัพ” หรืออาจจะมาในนามของ “ฝ่ายความมั่นคง” นั้นถ้าจะใช้ตำราพิชัยสงครามก็ต้องใช้กับคนชาติอื่นหรือประเทศอื่นที่มีพฤติการณ์หรือมีการก่อการที่เป็นภัยคุกคาม
ที่ไม่ได้ใช้พร่ำเพรื่อก็เพราะกองทัพ หมายถึง กำลังรบกับกำลังอาวุธ
กองทัพจึงไม่ใช้ “ศักยภาพ” ในการทำสงครามไปดำเนินการกับคนในประเทศของตัวเอง
ในความเป็นประเทศ ซึ่งมีอาณาเขต มีอธิปไตย มีประชาชน มีกฎหมายใช้บังคับนั้น “ประชาชน” จะเป็นศัตรูของกองทัพไม่ได้
กล่าวโดยตรรกะแล้ว ในโลกนี้ ต้องไม่มีกองทัพประเทศใดหรือแม่ทัพคนไหนที่จะใช้ “ตำราพิชัยสงคราม” มาวางแผนตระเตรียมแผนทำลายประชาชน หรือพิชิตพรรคการเมืองของประชาชน
แม้แต่ในระบอบการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ อย่าง “กองทัพประชาชน” ของสาธารณรัฐประชาชนจีนก็ไม่ใช้วิชาความรู้และศักยภาพทางการทหารเพื่อเอาชนะ “พรรคคอมมิวนิสต์”
โลกพัฒนาไปจนสิ้นสงสัยแล้ว
ไม่ว่า ระบอบเสรีประชาธิปไตยหรือคอมมิวนิสต์ “กองทัพ” ย่อมอยู่ในบังคับบัญชาของรัฐบาลหรือคณะ ผู้บริหารประเทศที่เป็น “พลเรือน”
ในแง่ของ “กองทัพ” ตำราพิชัยสงครามหรือความสามารถทางการทหารมีไว้ปกป้องชาติพันธุ์ ชุมชน ปกป้องอธิปไตยในดินแดน ปกป้องประเทศ หรือใช้รับมือกับศัตรูผู้รุกราน
ไม่มีแม่ทัพคนไหนที่จะใช้จัดการกับประชาชนและพรรคการเมืองในประเทศของตนเอง !?!!