จอมพลถนอม กิตติขจร ศิษย์ก้นกุฏิของ สฤษดิ์ ธนะรัชต์ เดินตามรอยนายด้วยการทำรัฐประหารตัวเองในเดือนพฤศจิกายน 2514
ยกเลิกรัฐธรรมนูญ ยุบสภา เป็นเหตุให้นิสิตนักศึกษาเริ่มจับกลุ่มรวมตัวกันเป็น “ขบวน”
ตั้งแต่ปี พ.ศ.2515-2516 นิสิตนักศึกษามีความตื่นตัวทางการเมืองมากขึ้น มีการชุมนุมเรียกร้องให้มีรัฐธรรมนูญถี่ขึ้น จนรัฐบาลทหาร “ถนอม-ประภาส” ทนไม่ไหวต้องสั่งจับผู้นำนักศึกษา และปล่อยตัวในเวลาต่อมา
แต่ไฟจุดติดและลุกลามแล้ว
มีการประเมินว่า การชุมนุมใหญ่เรียกร้องให้มีรัฐธรรมนูญในวันที่ 13 ตุลาคม 2516 นั้น มีฝูงชนราว 5 แสนคน ขณะนั้นมีคำกล่าวจากท่านนายพลว่า “เพื่อความอยู่รอดของบ้านเมือง อาจจำเป็นต้องเสียสละด้วยการสูญเสียนิสิตนักศึกษาราว 2 เปอร์เซ็นต์จากจำนวนเป็นแสนคน”
(จาก A History of Thailand หรือประวัติศาสตร์ไทยร่วมสมัย โดย คริส เบเคอร์ กับผาสุก พงษ์ไพจิตร ; สำนักพิมพ์มติชน)
คำนวณเล่นๆ แล้วชวนสยอง !
ถ้าจำนวนผู้ชุมนุม 1 แสน เท่ากับต้องตาย 2 พันศพ
จำนวนผู้ชุมนุม 2 แสน เท่ากับ 4,000 ศพ
ถ้าผู้ชุมนุม 5 แสนคน มิต้องตายกันถึง 10,000 ศพหรือ !?
วันที่ 14 ตุลาคม 2516 รัฐบาลตัดสินใจใช้กำลังทหารเข้าปราบปราม
ในหนังสือเล่มเดียวกันที่เขียนโดย คริส เบเคอร์ กับ ผาสุก พงษ์ไพจิตร บันทึกผลจากการใช้กำลังทหารสลายการชุมนุมว่า
“ผู้ชุมนุมเสียชีวิต 77 คน บาดเจ็บ 857 คน”
เกมนี้ “ถนอม-ประภาส-ณรงค์” พ่ายแพ้บนกระดานอำนาจการเมือง จำต้องลี้ภัยออกนอกประเทศ
คล้ายเรื่องเล่าที่ซ้ำซาก !
แต่เป็น “บทเรียน” ของทุกคนทุกฝ่าย
ถ้าจะเดินซ้ำรอยก็ค่อยๆ ตั้งสติศึกษาจากตัวละครที่เคยโลดแล่นในอดีต
ภายหลัง 14 ตุลา 16 พลังนักศึกษาโอ่อ่าอหังการ เดินหน้าสร้างแนวร่วม
นิสิตนักศึกษา ชาวไร่ ชาวนา กรรมกร จุดไฟประท้วงสหรัฐอเมริกาให้ยุติการใช้แผ่นดินไทยเป็นฐานทัพเข้าถล่มทำร้ายประเทศเพื่อนบ้านในอินโดจีน
นิสิตนักศึกษาที่จัดรูปเป็น “ขบวน” เผชิญหน้ากับ “ซีไอเอ”
“ซีไอเอ” เป็นผู้ให้กำเนิดหน่วย “กอ.รมน.”
“กอ.รมน.” จัดตั้งหน่วยนวพลและกระทิงแดง ฝึกรับฝึกรุกทั้งด้วยกระบอง ปืนผาหน้าไม้ ระเบิดมือ ระเบิดขวด ลอบสังหาร ไปจนถึงการจู่โจมเข้าทำลายซึ่งหน้า
นิสิตนักศึกษายังเด็กนัก ไม่อาจคาดคำนวณได้ว่า พายุใหญ่กำลังจะมา !?!!