ที่เรียกกันย่อๆ ว่า “ส.ป.ก.” นั้นคือ สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม มีชื่อลือลั่นอีกครั้งในยุคที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ธรรมนัส พรหมเผ่า แห่งพรรค พลังประชารัฐ
ส่วน “กรมป่าไม้” นั้นขึ้นอยู่กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มี นายวราวุธ ศิลปอาชา แห่งพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นรัฐมนตรีว่าการ
“ปารีณาซีรีส์” นัวเนียกับ 2 กระทรวง 2 รัฐมนตรี เพราะที่ดิน 682 ไร่ ที่ปารีณาครอบครองและทำเรื่องส่งคืน ส.ป.ก.นั้นมีปัญหาทางข้อกฎหมายที่ต้องพิจารณา ทั้ง พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 ประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 ที่บัญญัติว่า “ภายใต้บังคับกฎหมายว่าด้วยการเหมืองแร่และการป่าไม้ ที่ดินของรัฐนั้น ถ้ามิได้มีสิทธิครอบครองหรือมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่แล้ว ห้ามมิให้บุคคลใด(1) เข้าไปยึดถือ ครอบครอง รวมตลอดถึงการก่นสร้างหรือเผาป่า”
ถัดมาในมาตรา 108 ทวิ ว่า ถ้าความผิดต่อที่ดินสาธารณสมบัติของแผ่นดินกระทำในเนื้อที่เกินกว่า 50 ไร่ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ข้อนี้มีคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1030 /2562คดีบุกรุกที่ ส.ป.ก.ที่ ต.สันทราย อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ที่ยังอุ่นๆ อยู่เป็นประจักษ์
เช่นนี้ เห็นทีจะต้อง “ฟังเสียง” จากผู้คร่ำหวอดช่ำช่องงานด้านป่าไม้อย่าง “ป่าไม้เอี้ยง” ดำรงค์ พิเดช ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย อาจช่วยรั้งสติสัมปชัญญะการวินิจฉัยไตร่ตรองของเจ้าพนักงานให้กลับคืนมา
ดำรงค์ พิเดช ชี้ว่า กรมป่าไม้มอบป่าสงวนแห่งชาติตรงนั้นให้ ส.ป.ก.ในปี 2536 ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน ส.ป.ก.ยังไม่ดำเนินการอันใดเลย ทั้งการสำรวจ รังวัด ตรวจวางแนวเขต ตั้งงบประมาณเพื่อวางแผนจัดสรรที่ดินให้เกษตรกร เตรียมออกเป็น ส.ป.ก.4-01 จนกระทั่งมี พ.ร.ฎ.ปฏิรูปที่ดิน ปี 2554 ส.ป.ก.ก็ยังไม่ทำอะไร ปล่อยปละละเลยมา จนเกิดเรื่อง “ปารีณา” แล้วจู่ๆ มาบอกว่า ที่ 682 ไร่ ซึ่งปารีณาครอบครองอยู่นั้นไม่มีความผิด สังคมรับได้หรือไม่
แต่ถึงจะรับได้หรือไม่ได้ ทั้ง “ปารีณา” และ “ส.ป.ก.” ก็ได้ร่วมกัน “กระทำการสำเร็จ” ในแนวทางที่ท้าทายบรรทัดฐานฎีกาที่ 1030/2562 แล้ว !?!!
