คลิป “ส.ส.สาว” ที่กำลังฉาวกำลังจะทำให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ต้องหกคะเมน ตีลังกา
คลิปหนึ่ง จากเหตุการณ์การลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯเมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา เป็นภาพ ส.ส.สังกัดพรรคภูมิใจไทย ถือบัตรลงคะแนนในมือมากกว่า 1 ใบก่อนที่จะเสียบบัตรลงคะแนนเข้าไปในเครื่องลงคะแนน มากกว่า 1 ครั้ง
คลิปหนึ่ง จากเหตุการณ์การลงมติร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯเมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา เป็นภาพ 2 ส.ส.สาว แห่งพรรคพลังประชารัฐที่มีการวางบัตรลงคะแนนบนโต๊ะ 2 ใบ ก่อนจะหยิบบัตรลงคะแนนบนโต๊ะ ทั้ง 2 ใบเสียบเข้าไปในเครื่องลงคะแนนมากกว่า 1 ครั้ง
ถ้าทั้ง 2 กรณีเป็นการ “เสียบบัตรลงคะแนนแทนกัน” เห็นท่าว่าจะแย่ !
“บรรทัดฐาน” ที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยเอาไว้ในสมัยรัฐบาลเพื่อไทย คือ ส.ส. 1 คน มีสิทธิลงคะแนน 1 เสียง
เช่นนั้นแล้วจะแฟนหรือไม่ใช่แฟน จะเพื่อนกัน พวกกัน ฝ่ายเดียวกันก็เสียบบัตรแทนไม่ได้ !
อีก “บรรทัดฐาน” ที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยในครั้งนั้นคือ ส.ส. ได้มีการปฏิญาณตนว่า จะต้องทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต การเสียบบัตรแทนกันถือว่า ไม่ซื่อสัตย์สุจริต
ยังมีอีกหนึ่งข้อ ที่ศาลรัฐธรรมนูญว่าไว้คือ ส.ส.ต้องมีความเป็นอิสระ ไม่อยู่ในอาณัติของใคร การเสียบบัตรแทน แสดงให้เห็นว่า ผู้ที่เสียบบัตรแทนครอบงำบุคคลอื่น
ร่าง พ.ร.บ.สำคัญ 2 ฉบับสมัยนั้นร่วงไปเพราะศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า “ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ”
มาถึงสมัยนี้ มีประวัติศาสตร์ซ้ำรอย !
คำว่า “ซ้ำรอย” คือเหมือนกัน
พฤติการณ์หรือสาระสำคัญไม่ต่างกันคือ มูลเหตุจูงใจที่ทำให้ ส.ส. “เสียบบัตร” ลงคะแนนแทนกันนั้นก็เพื่อให้มีคะแนนเสียงเพียงพอและเป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะ
กระบวนการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯได้ชัยชนะมาด้วยความฉ้อฉล ?
กล่าวกันตาม “เจตนารมณ์” ของกฎหมายและที่ศาลรัฐธรรมนูญวางบรรทัดฐานไว้ คลิปฉาวๆ นั่นสาวไปถึงใครคนนั้นก็ย่อมไม่รอด
การเสียบบัตรแทนเป็นการจงใจ มีเจตนากระทำความผิดรัฐธรรมนูญอย่างชัดแจ้ง
สังคมไทยจะไปรอดถ้าทุกความผิด “ยุติด้วยธรรม”
อย่าให้ใครว่า ฝ่ายหนึ่ง ทำอะไรก็ไม่ผิดกับอีกฝ่ายหนึ่ง แทบจะไม่มีที่ให้ยืน แค่หายใจก็ผิด !?!!