‘สกัด-คัดกรอง’เข้มข้น รับมือ‘ไวรัสอู่ฮั่น’

การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ทำให้โรคปอดอักเสบ ที่มีต้นทางเกิดเหตุที่เมืองอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน จนถูกเรียก “ไวรัสอู่ฮั่น” หลายประเทศกำลังตื่นตัวเฝ้าระวังเข้มงวด

สำหรับประเทศไทย ล่าสุดตรวจสอบผู้ติดเชื้อชนิดนี้แล้ว 4 ราย โดย 3 ราย เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่น และอีก 1 ราย เป็นคนไทยที่เดินทางไปท่องเที่ยวเมืองดังกล่าว ก็ได้มีมาตรการคัดกรองตั้งแต่ด่านแรกที่จะเข้าเมือง คือท่าอากาศยานต่างๆ ที่จะมีเที่ยวบินจากจีนโดยเฉพาะเมืองอู่ฮั่นเข้ามายังประเทศไทย รวมถึงการประสานฝ่ายปกครองและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวจีน ระดมบุคลากรและเครื่องมือเครื่องไม้ร่วมติดตามตรวจสอบผู้ป่วย

อมรรักษ์ ชุมสาย ณ อยุธยา ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ ให้รายละเอียดขั้นตอนการคัดกรองว่า ด่านควบคุมโรคติดต่อระหว่างประเทศท่าอากาศยานเชียงใหม่ และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ร่วมกันตั้งจุดตรวจผู้โดยสารที่เดินทางมาจากอู่ฮั่น สาธารณรัฐประชาชนจีน เพราะเชียงใหม่มีเที่ยวบินตรงสัปดาห์ละ 3 เที่ยวบินคือ ทุกวันอังคาร วันศุกร์ และวันอาทิตย์ โดยนำเครื่องวัดอุณหภูมิร่างกายด้วยอินฟราเรด หรือเทอร์โมสแกน ควบคู่กับการวัดไข้อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง เพื่อคัดกรองผู้โดยสารที่มีอุณหภูมิสูงออกจากผู้โดยสารทั่วไป โดยจะทำการคัดกรองอาการไข้ และอาการที่เกี่ยวข้องกับทางเดินหายใจ หากพบมีอาการไข้สูงหรืออาการที่เข้าข่ายโรคทางเดินหายใจก็จะซักประวัติ และเข้าสู่กระบวนการเช่นเดียวกับโรคติดต่อร้ายแรง เช่น โรคเมอร์ส โรคอีโบลา ต่อไป

ขณะที่ นพ.จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ได้ออกแถลงการณ์แจ้งเตือนประชาชนไม่ให้ตื่นตระหนกกับข่าวที่ส่งต่อโดยไม่มีการอ้างอิงจากภาครัฐ เพื่อให้มั่นใจในระบบการเฝ้าระวัง คัดกรองป้องกัน และควบคุมเชื้อโคโรนาไวรัสในกลุ่มเสี่ยงจากชาวจีนทุกคน ณ ท่าอากาศยานเชียงใหม่ รวมทั้งการคัดกรองผู้ป่วยที่มีอาการไข้ หรืออุณหภูมิร่างกายมากกว่า 38 องศาเซลเซียส และให้ประวัติว่ามีไข้ร่วมกับอาการระบบทางเดินหายใจ เช่น ไอ เจ็บคอ มีน้ำมูก หายใจเหนื่อยหอบ และมีประวัติการเดินทางมาจากเมืองอู่ฮั่นภายใน 14 วันก่อนป่วย ณ โรงพยาบาลของรัฐและโรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดเชียงใหม่ทุกแห่ง หากพบผู้ป่วยสงสัยจะดำเนินการส่งต่ออย่างปลอดภัย เพื่อแยกกักผู้ป่วยสู่ห้องแยกกักความดันลบที่โรงพยาบาลนครพิงค์ และโรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ซึ่งมีเครื่องมือ ยา และเวชภัณฑ์พร้อมอยู่แล้ว เพื่อส่งตรวจเชื้อและให้การรักษาพยาบาลอย่างมีมาตรฐานต่อไป

Advertisement

เช่นเดียวกับจังหวัดภูเก็ตที่มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้ามาจำนวนมาก ภัคพงศ์ ทวิพัฒน์ ผวจ.ภูเก็ต ระบุถึงการเฝ้าระวังของจังหวัดว่า ได้มีมาตรการเข้มในการควบคุมอย่างต่อเนื่อง โดยสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดภูเก็ตร่วมกับด่านควบคุมโรคติดต่อต่างประเทศ ท่าอากาศยานภูเก็ต ร่วมกันเฝ้าระวังและป้องกันอย่างเข้มข้น ภายในสนามบินนานาชาติภูเก็ตมีการจัดเจ้าหน้าที่คัดกรองนักท่องเที่ยว และมีการติดตั้งกล้องเทอร์โมสแกนตรวจวัดไข้นักท่องเที่ยวทุกรายที่มาจากอู่ฮั่น หากตรวจพบรายใดมีไข้หรือมีอุณหภูมิสูงเกิน 38 องศา และมีอาการระบบทางเดินหายใจส่วนบน เจ้าหน้าที่จะทำการคัดแยกและส่งต่อไปยังโรงพยาบาลทันที

นพ.ธนิศ เสริมแก้ว นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดภูเก็ต ระบุว่า มาตรการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคของจังหวัดภูเก็ตแบ่งเป็น 5 ส่วน ประกอบด้วย 1.ด้านการคัดกรองผู้โดยสาร ณ ด่านควบคุมโรคติดต่อจังหวัดภูเก็ต ท่าอากาศยานภูเก็ต ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 5 มกราคม 2563 เป็นต้นมา โดยจังหวัดภูเก็ตมีเครื่องบินในเส้นทางบินตรงจากเมืองอู่ฮั่นถึงภูเก็ตวันละ 1 เที่ยวบิน มีผู้โดยสารประมาณ 170 คนต่อเที่ยวบินและในช่วงเทศกาลตรุษจีน 10 มกราคม-3 กุมภาพันธ์ 2563 มีการเพิ่มเที่ยวบินของสายการบินอีก 1 สาย มีผู้โดยสารประมาณ 170 คนต่อเที่ยวบิน รวมเป็นวันละ 2 เที่ยวบิน ผู้โดยสารประมาณ 340 คนต่อวัน

2.ด้านความพร้อมของบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข มีการเตรียมความพร้อมและชี้แจงมาตรการ แนวทางการดำเนินงานเฝ้าระวังสอบสวนป้องกันควบคุมโรคในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข รวมทั้งเตรียมความพร้อมของหน่วยปฏิบัติการควบคุมโรคติดต่อ ทีมเฝ้าระวังสอบสวนควบคุมโรค ทีมด้านการรักษาพยาบาล ทีมส่งต่อผู้ป่วยและผู้เกี่ยวข้อง

3.การเตรียมความพร้อมด้านห้องแยกโรคและทีมดูแลผู้ป่วย มีการเตรียมความพร้อมของห้องแยกโรคความดันลบ และทีมดูแลผู้ป่วยในโรงพยาบาลรัฐและเอกชนทุกแห่ง

4.การเตรียมความพร้อมด้านยา เวชภัณฑ์ วัสดุอุปกรณ์ป้องกันโรค และรถพยาบาล โดยมีการเตรียมพร้อมด้านยา วัสดุอุปกรณ์ป้องกันโรคและรถพยาบาลของโรงพยาบาลภาครัฐและเอกชนทุกแห่ง

5.การประสานหน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง ทั้งคณะทำงานช่องทางเข้าออกประเทศ ท่าอากาศยานภูเก็ต ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต และสำนักงานนายทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ จังหวัดภูเก็ต

นพ.ธนิศกล่าวทิ้งท้ายให้การยืนยันว่า จังหวัดภูเก็ตมีความพร้อมในการรับมือสถานการณ์ดังกล่าวอย่างทันท่วงที และมีศักยภาพทั้งมาตรการการป้องกัน การควบคุมโรค ระบบคัดกรองและคัดแยกผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ขอความร่วมมือประชาชนทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐและเอกชน ที่จะมีการนำเสนอข้อมูลการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ขอให้มีการตรวจสอบข้อมูลจากหน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบ หรือสอบถามได้ที่ 1422 สายด่วนกรมควบคุมโรค เพื่อให้ข้อมูลมีความถูกต้อง ก่อนนำเสนอหรือเผยแพร่ในสื่อทุกช่องทางโดยเฉพาะสื่อโซเชียลมีเดีย เพื่อป้องกันการตื่นตระหนกของประชาชนและนักท่องเที่ยว ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image