‘ประหยัดจนไม่รู้จะประหยัดอย่างไรแล้ว’ กลัวแต่ก็ต้องสู้ ชีวิต ‘คุณตา’ คนหลังเตา

คนหลังเตา

‘ประหยัดจนไม่รู้จะประหยัดอย่างไรแล้ว’ กลัวแต่ก็ต้องสู้ ชีวิต ‘คุณตา’ คนหลังเตา

คนหลังเตา – เป็นระยะเวลากว่า 3 เดือนแล้วที่เชื้อไวรัสโควิด-19 อุบัติขึ้นบนโลก และแพร่ระบาดไปทั่วโลกอย่างรวดเร็ว ซึ่งพิษจากเจ้าไวรัสตัวร้ายได้สร้างผลกระทบไปในหลายภาคส่วน

รวมไปถึงคนหาเช้ากินค่ำ

หนึ่งในนั้น คือ สมบัติ แก้วพรม อายุ 71 ปี พ่อค้าขายข้าวโพดย่าง ถั่วต้ม และกล้วยปิ้ง ในตรอกซอยแห่งหนึ่ง ที่เผยว่า ตนเดินทางจากบ้านเกิดจังหวัดลพบุรี เข้ามาทำงานที่เมืองหลวงเป็นระยะเวลา 10 กว่าปีแล้ว ลำพังที่ผ่านมารายได้จากการขายของในแต่ละวันก็ไม่ได้มากมาย แถมตนยังเป็นเสาหลักของครอบครัว เลี้ยงดูลูกๆ อีก 5 คน

Advertisement

ซึ่งมีงานทำเพียง 2 คน โดย 1 ในนั้นเพิ่งได้งานทำ แต่พอมีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 บริษัทก็ปรับลดเงินเดือนลง ส่วนอีก 3 คน ยังอยู่ในสถานะว่างงาน

“อายุก็มากแล้ว แต่ยังต้องทำมาหากินเลี้ยงลูกอีก” สมบัติกล่าวพร้อมทอดถอนใจ

ทั้งนี้ นายสมบัติมักจะเข็นรถขายของออกมาตั้งแผงตั้งแต่ช่วงเวลาเช้าตรู่ 05.00 น. และนั่งหน้าเตาถ่านร้อนๆ เพื่อย่างข้าวโพดขาย จนกระทั่งเวลา 20.00 น. ถึงจะเข็นรถกลับบ้าน

Advertisement

โดยในห้วงเวลาที่เชื้อไวรัสระบาดนี้ ก็ทำให้ยอดขายลดลง จากที่เคยขายข้าวโพดย่างได้วันละประมาณ 100 ฝัก ก็เหลือเพียง 30 ฝักเท่านั้น

ประกอบกับช่วงนี้เกษตรกรพืชไร่พืชสวนต้องประสบกับภัยแล้ง ทำให้ราคาข้าวโพดสูงขึ้น สมบัติจึงต้องแบกภาระต้นทุนที่สูงขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม เงินเยียวยา 5 พันบาท ที่รัฐบาลประกาศให้ผู้ได้รับผลกระทบไปลงทะเบียนนั้น ได้กลายเป็นความหวังที่ผ่านเข้ามาในครอบครัวแก้วพรม แต่กระนั้นเขาก็ไม่ผ่านเกณฑ์ได้รับเงินเยียวยา

“ได้รับผลกระทบหนักครับ โควิดก็กลัวแต่ต้องออกมาขายของ ไม่ออกมาจะเอาอะไรกิน เพราะยังมีภาระอยู่เยอะ ทั้งค่าเช่าบ้าน ค่ากิน และหนี้สิน”

“ประหยัดจนไม่รู้จะประหยัดอย่างไรแล้ว” ชายหลังเตากล่าวทิ้งท้าย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image