เหยี่ยวถลาลม : ระกำรำลึก
ควรจะต้องประสานสองมือโค้งคำนับพร้อมคารวะ 1 จอกกับความคิดอันบรรเจิดของ “คณะก้าวหน้า” ที่กล้าคิดและกล้าทำด้วยการยิงเลเซอร์ข้อความว่า “#ตามหาความจริง” ตามอาคารและสถานที่ต่างๆ ในเขต กทม.
อาจมีคนจำนวนหนึ่งที่มีอารมณ์แบบฝูงหมาป่าอยากจะขย้ำฉีกร่าง “คณะก้าวหน้า” ซึ่งเป็นอดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ที่เคยได้คะแนนจากการเลือกตั้งทั่วไปอย่างท่วมท้น แต่ต่อมาถูก “ยุบพรรค”
คำถามที่เหมือนก้างตำคอจาก รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ก็คือ ข้อความที่ยิงเลเซอร์นั้นมีส่วนไหนที่สร้างความเสียหายต่อตัวอาคารสถานที่? มีส่วนไหนสร้างความแตกแยกหรือเป็นภัยความมั่นคงของชาติ?
ข้อความนั้นแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ถึง “ผล” จากการสลายการชุมนุมที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตซึ่งจนบัดนี้ผ่านไป 10 ปียังไม่ได้รับความยุติธรรม
วันที่ 3 พ.ค.53 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯเสนอกรอบสู่ความปรองดองและพร้อมจัดการเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ย.53
วันถัดมา แกนนำ นปช.มี “มติเอกฉันท์” เข้าร่วมกระบวนการปรองดองของรัฐบาล แต่ยังไม่ยุติการชุมนุม จะขอรอจนกว่าได้คำตอบว่า “ยุบสภาวันไหน” ก็แค่นั้น
แล้วใครกันที่มี “ศักยภาพ” สร้างสถานการณ์ป่วนเมือง ยิงถล่มอาคาร ลอบวางระเบิด
พอถึงวันที่ 12 พ.ค. นายกฯอภิสิทธิ์เปลี่ยนท่าเป็น “แข็งกร้าว” ประกาศยกเลิกแนวทางปรองดองทั้งหมด “ล้ม” ที่เคยประกาศว่าจะเลือกตั้ง 14 พ.ย.
ถัดมาวันเดียว พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล “เสธ.แดง” ถูกลอบยิงด้วยสไนเปอร์ ที่แยกศาลาแดง ใกล้ รพ.จุฬาฯ เสียชีวิต
วันที่ 14 พ.ค.ภายใต้ “ศอฉ.” กำลังรบเคลื่อนพลพร้อมอาวุธสงครามเต็มอัตราศึกกระชับวงล้อมทุกทิศทุกทาง
คนที่ตายไม่มีใครมีอาวุธ และกว่า 30 ศพถูกส่องกล้องยิงศีรษะ ลำคอ ลำตัวด้วยหน่วยแม่นปืนซุ่มยิง “สไนเปอร์”
เมื่อฆ่าคนตายก็ต้องขึ้นศาล ไม่ใช่สงบเงียบ!
จะได้ถามหาความจริงกันในชั้นกระบวนการพิจารณาของศาลว่า ที่ยิงคนคิดต่าง ยิงผู้ชุมนุม ยิงพี่น้องร่วมชาติ ยิงผู้ชาย ยิงผู้หญิง ยิงเด็ก ยิงอาสาสมัครนั้นคิดกันอย่างไร
ถึงความหวังแทบจะเป็น “ศูนย์” ก็ต้องเดินหน้า “ตามหาความจริง” ใครสั่ง ใครฆ่า ใครเป็นผู้รับผิด !?!!
