ศาลยกฟ้อง ‘9คนอยากเลือกตั้ง’ ไม่ผิด 116-พ.ร.บ.ชุมนุมฯ คดีชุมนุมสกายวอล์กหน้า MBK

ศาลยกฟ้อง 9 ‘คนอยากเลือกตั้ง’ ไม่ผิด 116 – พ.ร.บ.ชุมนุมฯ คดีชุมนุมสกายวอล์กหน้า MBK

เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.3207/2561 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนักเคลื่อนไหวทางการเมืองและอดีตแกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง 9 คน เป็นจำเลย ในความผิดฐานยุยงปลุกปั่นฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116, จัดการชุมนุมสาธารณะในรัศมี 150 เมตร จากเขตพระราชฐาน ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 และฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 3/2558 ข้อ 12 ห้ามชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป (คำสั่งยกเลิกแล้ว)

โดยจำเลยที่ 1-9 ประกอบด้วย นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน, นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล, นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว, น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์, นายอานนท์ นำภา แกนนำราษฎร 2563, นายเอกชัย หงส์กังวาน, นายสุกฤษฎ์ เพียรสุวรรณ, นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล และนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด

เหตุฟ้องพวกจำเลยจากกรณีเมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2561 พวกจำเลยจัดกิจกรรม “หยุดยื้อเลือกตั้ง หยุดสืบทอดอำนาจ” เพื่อส่งสัญญาณถึง คสช. ว่าประชาชนไม่ต้องการให้การเลือกตั้งเลื่อนออกไปอีก ที่สกายวอล์คแยกปทุมวัน หน้าห้างสรรพสินค้า MBK Center โดยจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธและได้รับการประกันตัว เมื่อถึงเวลานัด จำเลยทยอยเดินทางมาศาล

Advertisement

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐาน ที่โจทก์และจำเลยนำสืบแล้ว จำเลยทั้งเก้ากระทำความผิดฐานชุมนุมในระยะ 150 เมตร จากวังของพระบรมวงศ์ฯ ตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ หรือไม่ พยานโจทก์เบิกความไม่มีใครทราบมาก่อนว่าพื้นที่ชุมนุมอยู่ในระยะ 150 เมตร จนกระทั่งมีการวัดภายหลัง และไม่มีป้ายติดประกาศห้ามชุมนุม จำเลยทั้ง9และประชาชนย่อมไม่ทราบว่าเป็นระยะห้ามชุมนุม อีกทั้งหน้าหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ ซึ่งอยู่ใกล้กว่าที่เกิดเหตุมีการจัดกิจกรรมบ่อยครั้ง ทำให้จำเลยเข้าใจว่าไม่อยู่ในข้อห้าม เชื่อได้ว่าจำเลยทั้งเก้าไม่มีเจตนาฝ่าฝืน พยานโจทก์ไม่พอฟังว่าจำเลยทั้ง9กระทำความผิดฐานนี้

ส่วนจำเลยทั้ง9กระทำความผิดฐานยุยงปลุกปั่นฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 หรือไม่ จากการให้สัมภาษณ์ของจำเลยที่ 1 และ 9 การถือป้ายและพูดของจำเลยที่ 6 และคำปราศรัยของพวกจำเลย มีการเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งโดยเร็วภายในเดือน พ.ย. 2561 เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีการเลื่อนการเลือกตั้งหลายครั้ง แม้ปราศรัยสื่อความหมายเชิญชวนชุมนุม แต่การไม่ต้องการเลื่อนการเลือกตั้งไม่ใช่การยุยงปลุกปั่น เป็นไปตามความมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ ข้อความปราศรัยและสัมภาษณ์ของพวกจำเลยไม่ถึงขนาดยุยงปลุกปั่นให้เกิดความกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน พยานโจทก์ไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 พิพากษายกฟ้อง

ด้านนายสิรวิชญ์ หรือจ่านิว เปิดเผยว่า ศาลยกฟ้องทั้ง 2 ข้อหา ตามป.อาญา มาตรา 116 และพ.ร.บ.การชุมนุมฯ พ.ศ. 2558 มาตรา 7 เกี่ยวกับการชุมนุมใกล้เขตพระราชฐาน ซึ่งศาลได้พิจารณาว่าการชุมนุมไม่เข้าข่ายองค์ประกอบความผิด ข้อเรียกร้องคือ เรียกร้องการเลือกตั้งและสิ่งที่ทำในวันนั้นก็เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ไม่ได้ก่อให้เกิดความรุนแรงหรือยุยงปลุกปั่น เพียงแค่เรียกร้องสิทธิตามรัฐธรรมนูญ ส่วนที่มีการแจ้งข้อกล่าวหาว่ามีการชุมนุมใกล้เขตพระราชฐานไม่เกิน 150 เมตรนั้น ทางตำรวจก็ไม่ได้แจ้งบอกกับผู้ชุมนุม และไม่ได้ติดป้ายว่าเขตพระราชฐานอยู่ตรงจุดไหน จึงมองว่าเราไม่มีเจตนาที่จะชุมนุมใกล้เขตพระราชฐานดังกล่าว จึงยกฟ้องทั้ง 2 ข้อหา และต้องการให้เป็นบรรทัดฐานยิ่งช่วงนี้มีการฟ้องกลุ่มผู้ชุมนุมในชั้นพนักงานตำรวจและพนักงานอัยการ แต่เมื่อถึงในชั้นศาลสุดท้ายก็พิจารณายกฟ้อง ซึ่งเราก็มีข้อต่อสู้เรียกร้องตามรัฐธรรมนูญมาโดยตลอด จึงอยากให้ทบทวนการฟ้องในหลายๆคดีของปี 2563 ไม่อยากให้รัฐใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการกลั่นแกล้ง อยากให้ใช้กฎหมายอย่างถูกต้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image