เปิดสำนวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนาฬิกาหรูป.ป.ช.

เปิดสำนวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนาฬิกาหรูป.ป.ช.ของคกก.วินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการ

เมื่อวันที่ 20 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 มกราคม เว็ปไซต์สำนักงานคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารของราชการ(สขร.)ได้เผยเเพร่ คำวินิจฉัยฉบับเต็มของคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร สาขาสังคม การบริหารราชการแผ่นดิน และการบังคับใช้กฎหมาย (คณะ3) ที่ สค. 1/2564
ตามที่นายเอกชัย หงส์กังวาน ขอข้อมูลข่าวสารจากสำนักงาน ป.ป.ช. เกี่ยวกับสำนวนการตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีกล่าวหาว่า จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ (สำนวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีนาฬิกาหรู)

โดยคณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคมการบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมายพิจารณาแล้วเห็นว่าข้อมูลข่าวสารตามคำขอของผู้อุทธรณ์เกี่ยวกับสำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีการกล่าวหาพลเอกข.จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบข้อเท็จจริงปรากฏตามคำชี้แจงของผู้แทนสำนักงาน ป.ป.ช. ว่าข้อมูลข่าวสารดังกล่าวมีจำนวน 4รายการ ได้แก่

รายการที่ 1คำชี้แจงของพลเอก ข.

รายการที่ 2คำให้การของพยานบุคคล

Advertisement

รายการที่ 3รายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง

และรายการที่ 4 รายงานการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.

กรณีนี้ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณาเรื่องร้องเรียนกล่าวหาดังกล่าวเสร็จสิ้นแล้วโดยเห็นว่ายังไม่มีมูลเพียงพอว่าผู้ถูกกล่าวหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จจึงมีมติไม่รับเรื่องดังกล่าวไว้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงส่วน กรณีการกล่าวหาร้องเรียนอีก 2เรื่อง ได้แก่ กรณีกล่าวหาว่าเป็นเจ้าพนักงานของรัฐรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้

Advertisement

และกรณีกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติผู้แทนสำนักงาน ป.ป.ช. แจ้งว่าได้นำสำนวนการพิจารณากรณีกล่าวหาว่าจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงไปใช้ในการพิจารณาสำนวนกรณีกล่าวหาว่ารับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้และกรณีกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ

อย่างไรก็ตามสำนวนการพิจารณาทั้ง 2กรณีเป็นคนละมูลกรณีกับการกล่าวหาว่าจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงซึ่งกระบวนการแสวงหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานในแต่ละคดีรวมทั้งการพิจารณาชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานย่อมมีความแตกต่างกันไม่ได้ จำกัด เฉพาะพยานหลักฐานในสำนวนเรื่องนี้เท่านั้นการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสำนวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงได้ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้วย่อมไม่กระทบต่อการแสวงหาข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ ป.ป.ช. อันจะทำให้การบังคับใช้กฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามการทุจริตเสื่อมประสิทธิภาพหรือไม่อาจสำเร็จตามวัตถุประสงค์ตามมาตรา 15(2) แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 แต่อย่างใดและการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารดังกล่าวจะแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสและตรวจสอบได้อันจะทำให้เกิดความน่าเชื่อถือในการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช.

ดังนั้นเมื่อพิเคราะห์ถึงการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของหน่วยงานของรัฐประโยชน์สาธารณะและประโยชน์ของเอกชนที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้วเห็นว่าข้อมูลข่าวสารดังกล่าวเปิดเผยให้ผู้อุทธรณ์ทราบได้

ยกเว้นข้อมูลข่าวสารส่วนบุคคลและข้อมูลข่าวสารในขอบเขตสิทธิส่วนบุคคล ได้แก่ ชื่อนามสกุล ที่อยู่หมายเลขโทรศัพท์ ลายมือชื่อ หมายเลขประจำตัวประชาชน ชื่อบิดา มารดา ของพยานที่ปรากฏในบันทึกการให้ถ้อยคำของพยานรวมทั้งข้อความที่อาจทำให้ทราบได้ว่าบุคคลใดเป็นผู้ให้ถ้อยคำ

เนื่องจากผู้อุทธรณ์ไม่ได้แสดงเหตุผลให้มีน้ำหนักเพียงพอว่าการได้ข้อมูลข่าวสารดังกล่าวจำเป็นต่อการคุ้มครองสิทธิของผู้อุทธรณ์อย่างไรการเปิดเผยจะเป็นการรุกล้ำสิทธิส่วนบุคคล โดยไม่สมควรตามมาตรา 15 (5) แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540ประกอบกับการเปิดเผยจะทำให้พยานบุคคลเกิดความไม่เชื่อมั่นในเรื่องความปลอดภัยของสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลและการประกอบอาชีพจากการให้ถ้อยคำและทำให้ต่อไปไม่มีผู้ใดกล้าให้ข้อมูลข้อเท็จจริงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตจึงให้ปกปิดข้อมูลในส่วนนี้ไว้

ส่วนข้อมูลข่าวสารรายการที่ 6 (ตามคำขอของผู้อุทธรณ์) หลักฐานการยืมของพยานที่เกี่ยวข้องกับการไต่สวนกรณีนาฬิกาหรูของนายค. ข้อเท็จจริงปรากฏตามคำชี้แจงของสำนักงาน ป.ป.ช. ว่าไม่มีเอกสารดังกล่าวกรณีจึงไม่มีเอกสารอันเป็นวัตถุแห่งการพิจารณาวินิจฉัยที่คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารจะรับไว้พิจารณาได้ ดังนั้นจึงไม่มีประเด็นต้องวินิจฉัย

อย่างไรก็ตามหากผู้อุทธรณ์ไม่เชื่อว่าเป็นความจริงสามารถใช้สิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการตามมาตรา33 ประกอบมาตรา 13 แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 เพื่อขอให้ตรวจสอบความมีอยู่ของข้อมูลข่าวสารดังกล่าวได้ฉะนั้นอาศัยอำนาจตามมาตรา 35แห่งพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540คณะกรรมการวินิจฉัยการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารสาขาสังคมการบริหารราชการแผ่นดินและการบังคับใช้กฎหมายจึงวินิจฉัยให้สำนักงาน ป.ป.ช. เปิดเผยข้อมูลข่าวสารรายการที่1-4 รายงานการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. คำชี้แจงของพลเอก ข.พร้อมทั้งให้สำเนาที่มีคำรับรองถูกต้องแก่ผู้อุทธรณ์ เว้นแต่ ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ ลายมือชื่อ หมายเลขประจำตัวประชาชน ชื่อบิดา มารดาของพยานที่ปรากฏในบันทึกการให้ถ้อยคำรวมทั้งข้อความที่อาจทำให้ทราบได้ว่าบุคคลใดเป็นผู้ให้ถ้อยคำให้ปกปิดไว้ของพยาน

โดยสามารถอ่านคำวินิจฉัยเต็มได้ตามภาพข้างล่างนี้




QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image