ผอ.สถาบันวัคซีน งัดหลักฐานโต้ ‘วิโรจน์’ ชี้ แอสตร้าฯ เป็นผู้เลือก ‘สยามไบโอไซเอนซ์’

ผอ.สถาบันวัคซีน งัดหลักฐานโต้ ‘วิโรจน์’ ชี้ แอสตร้าฯ เลือก ‘สยามไบโอไซเอนซ์’

เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) พร้อมด้วย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค และ นพ.นคร เปรมศรี ผู้อำนวยการสถาบันวัคซีนแห่งชาติ แถลงข่าวชี้แจงกรณีการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 สำหรับประเทศไทย

นพ.เกียรติภูมิกล่าวว่า จากการอภิปรายที่เกิดขึ้น มีความเกี่ยวข้อง สธ.อย่างมาก ดังนั้นทางกระทรวงฯ จึงต้องออกมาทำความเข้าใจ โดยเฉพาะวัคซีนโควิด-19 ด้วยเวลาผ่านมา 1 ปี ไทยสามารถควบคุมการระบาดได้ดีจนเป็นที่ยอมรับจากนานาชาติ แม้การระบาดรอบสองก็สามารถควบคุมได้ในระยะเวลาอันสั้น ต่อไปก็จะเป็นใช้วัคซีน

โดยช่วงแรกของการระบาด ยังไม่มีวัคซีนเพราะต้องใช้เวลาในการพัฒนาเพื่อความปลอดภัย แต่การทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่า การใช้วัคซีนเพื่อป้องกัน ทำให้เกิดภูมิคุ้มกันระดับประเทศ แม้ว่าวัคซีนจะป้องกันระดับบุคคลด้วย โดยไทยได้เตรียมการเพื่อให้คนไทยได้รับวัคซีนอย่างรวดเร็วและครอบคลุมถึง 63 ล้านโดส จากเดิมที่การแพทย์เราเคยฉีดวัคซีนได้ปีละ 10 ล้านโดส แต่ปีนี้เป็นงานหนักที่เราจะเร่งฉีดให้ครบ 63 ล้านโดสในปี 2564 ซึ่งย้ำว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีวัคซีนในมือ 63 ล้านโดสและได้เตรียมแผนการฉีดไว้แล้ว

นพ.นครกล่าวว่า คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติมอบหมายให้ทางสถาบันวัคซีนฯ เป็นหน่วยงานหลักในการติดตามข้อมูลและวางแผนจัดหาวัคซีนตั้งแต่ช่วงเดือน เม.ย. 2563 ใน 3 ช่องทาง คือ 1.การสนับสนุนการวิจัยในประเทศ 2.การแสวงหาความร่วมมือเพื่อวิจัยพัฒนากับต่างประเทศ และ 3.การติดตามการวิจัย การพัฒนาการผลิตเพื่อจัดหาวัคซีนโดยตรงการบริษัท โดยทั้ง 3 ช่องทางเริ่มพร้อมกันตั้งแต่ เม.ย.

ADVERTISMENT

ทั้งนี้ เมื่อเริ่มมีการศึกษาวิจัยในมนุษย์ฯ เราก็เริ่มติดตามข้อมูล เพื่อให้รู้เท่าทันว่าวัคซีนชนิดใดมีความก้าวหน้าขนาดไหน เราพบว่า วัคซีนชนิด mRNA และ Viral vector มีความก้าวหน้าทัดเทียมกันในวิจัย เริ่มทดสอบในมนุษย์ระยะที่ 1-2 ในเวลาใกล้เคียงกัน ซึ่งเราคาดว่า 2 ชนิดนี้จะสำเร็จใกล้เคียงกัน ดังนั้น เราจึงเริ่มแสวงหาความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจากต่างประเทศ

ADVERTISMENT

“ส่วนการเจรจากับต่างประเทศ เช่น จีน เราก็เจรจาสอบถามข้อมูล หรือหน่วยงานของอังกฤษ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น เบลเยียม หน่วยงานที่พัฒนาวิจัยวัคซีนเราก็ได้เจราจาขอข้อมูล แต่สิ่งที่เราตั้งเป้าไว้ คือ การที่เราจะได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิต ซึ่งเป็นเรื่องที่เราตั้งใจไว้มาก เพราะจะตอบโจทย์ในการระบาดเวลานี้และเพื่อรับมือการระบาดในอนาคตที่อาจจะมา” นพ.นครกล่าว

นพ.นครกล่าวว่า ในช่วง ก.ค.-ส.ค. 2563 มีข้อมูลว่า บริษัทแอสตร้าเซนเนก้า ร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด พัฒนาการผลิตวัคซีนเทคโนโลยีชนิด Viral vector ได้หาพันธมิตร เขาได้ทบทวน ประเมินศักยภาพบริษัทต่างๆ ของไทย ซึ่งบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์มีความเหมาะสมในการรับถ่ายทอดเทคโนโลยีผลิต จึงเป็นที่มาในการสนับสนุนเพื่อพัฒนาศักยภาพเล็กน้อยให้รองรับเทคโนโลยีการผลิตให้เร็วที่สุด ดังนั้น จึงเป็นการการเจรจาจองซื้อวัคซีนที่ไม่ธรรมดา หากเราจองกับบริษัทอื่น คือการซื้ออย่างเดียว แต่กับแอสตร้าเซนเนก้า ไทยจะได้รับศักยภาพผลิตวัคซีนระดับโลกไว้ในประเทศ

“จะอยู่กับรัฐหรือเอกชน ไม่สำคัญ แต่สำคัญที่อยู่ในประเทศไทย และสำคัญที่สุดคือเราจะได้พัฒนาศักยภาพของเราโดยเทคโลโนยีระดับโลก โดยเอกสารจดหมายจากบริษัทแอสตร้าฯ ระบุเนื้อความว่า เขามีความยินดีที่จะแจ้งให้เราทราบว่า เขามีความเชื่อมั่นอย่างยิ่งในศักยภาพของบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ที่เขาได้คัดเลือกตั้งแต่ควอเตอร์ที่ 2 หรือไตรมาสที่ 2 ของปี 2563

นี่เป็นหลักฐานยืนยันว่า แอสตร้าฯ เขาได้ประเมินศักยภาพ ความเชื่อมั่นเกิดจากการประเมินสยามไบโอไซเอนซ์อย่างเข้มข้น ในเรื่องมาตรฐาน ความสามารถ และพบว่าสยามไบโอไซเอนซ์มีความสามารถในการรองรับถ่ายทอดเทคโนโลยีผลิตได้ใน เดือน ต.ค. เป็นหลักฐานสำคัญว่า แอสตร้าฯ เป็นผู้ประเมินคัดเลือก แล้วเขาจะมาแจ้งเราว่า หากจะให้ดีประเทศไทยควรจองผลิตวัคซีนกับเขา เพราะเป็นการผลิตในประเทศ และบอกอีกว่า การถ่ายทอดเทคโนโลยีเริ่มใน ต.ค. แม้ว่าเรายังไม่ได้อนุมัติเลยด้วยซ้ำ จึงไม่อยู่ในเงื่อนไขว่า ต้องจองก่อนถึงจะถ่ายทอดให้ และไม่ได้อยู่ในเงื่อนไขว่า ต้องจองเท่านั้นเท่านี้ แต่อยู่ในเงื่อนไขว่า เราจะร่วมกันเป็นหน่วยงานผลิตวัคซีนให้กับภูมิภาคอาเซียน เราจึงบรรลุข้อตกลงสำเร็จ” นพ.นครกล่าว

นพ.นครกล่าวว่า สิ่งที่ตนอยากเน้นย้ำในจดหมายที่แอสตร้าฯ ระบุ คือ มีผู้สนใจเข้าร่วมเป็นฮับ (Hub) ผลิตวัคซีนกว่า 60 ประเทศ/บริษัท โดยแอสตร้าฯ คัดเลือกเพียง 25 แห่ง ซึ่งประเทศไทยเป็น 1 ใน 25 เนื่องจากแอสตราฯ ได้ประเมินผู้ผลิตทั่วโลก แต่เลือกเพียง 25 แห่ง และย้ำว่าเป็นมาตรฐานการผลิตที่ดี เรียกว่า Good Manufacturing Practice: GMP และมาตรฐานผลิตวัคซีนที่ได้คุณภาพ จึงขอให้มั่นใจในศักยภาพคนไทย ไม่แพ้ใครในโลก ซึ่งเราไม่จำเป็นต้องมีวัคซีนหลายชนิดแต่ขอให้มีมากเพียงพอ ครอบคลุมประชากร จัดบริการฉีดให้ได้คุณภาพ

นพ.นครกล่าวว่า อย่างไรก็ตามการจองซื้อวัคซีนจากทุกแห่ง เช่น โคแวกซ์ (COVAX) แอสตร้าฯ ลักษณะเป็นเหมือนกันคือ จ่ายเงินไปบางส่วนเป็นค่าจองวัคซีน แต่มีความต่างคือ เงินค่าจองกับแอสตร้าฯ จะเป็นส่วนหนึ่งของราคาวัคซีน แต่หากเป็นของโคแวกซ์ เงินที่จ่ายไป หรือ Up-front payment ในรายละเอียด คือ ค่าบริหารจัดการไม่ใช่ค่าวัคซีน ส่วนราคาจะถูกกำหนดภายหลังที่รู้ว่ามาจากบริษัทใด และเป็นราคาจริงที่ผู้ผลิตกำหนดอีกที ดังนั้น จึงเป็นความต่างกัน ดังนั้น ในการอภิปรายในสภา หากข้อมูลไม่ครบถ้วนก็จะเกิดความเข้าใจผิด

“ส่วนข้ออภิปรายที่ว่า บริษัทวัคซีนของอินเดียมาเสนอให้เราซื้อ ทำไมเราไม่ซื้อ เป็นข่าวจากโซเซียล เป็นข่าวเท็จ เพราะความจริง คือเราทำความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนข้อมูลการวิจัยวัคซีนกับอีกบริษัทหนึ่ง ซึ่งเป็นคนละบริษัท แต่พอผู้ที่โพสต์ข่าวไม่ได้ตรวจสอบ ฟังต่อๆ กัน ก็กลายเป็นเราปฏิเสธการเสนอซื้อวัคซีนจากแอสตร้าฯ ในประเทศอินเดีย ขอยืนยันว่าเป็นข่าวเท็จ ไม่มีการเสนอการขายวัคซีนแอสตร้าฯ จากอินเดียให้กับไทย แต่เป็นการเสนอความร่วมมือวิจัยกับอีกบริษัทหนึ่งด้วย เราก็ได้รับไว้ ทำข้อตกลงบันทึกความเข้าใจร่วมกันแล้ว” ผอ.สถาบันวัคซีนกล่าว

นพ.นครกล่าวว่า ส่วนความร่วมมือกับโคแวกซ์ ประเทศไทยยังเดินหน้าเจรจาร่วมกันอยู่ หากมีเงื่อนไขและข้อมูลที่เหมาะกับไทย การที่ผู้อภิปรายดึงข้อมูลจากเว็บไซต์ต่างๆ หากดูรายละเอียดจริงๆ จะทราบว่าวัคซีนที่จะส่งมอบผ่านโคแวกซ์ คือวัคซีนจากแอสตร้าฯ และมีส่วนน้อยจากบริษัทไฟเซอร์ เพราะเพิ่งเข้าร่วมโคแวกซ์ในเดือน ม.ค.2564 โดยก่อนหน้านี้วัคซีนที่มีความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จในช่วงไตรมาสที่ 1-2 ในปี 2564 ก็มีเฉพาะวัคซีนจากแอสตร้าฯ ดังนั้น เราไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมโคแวกซ์ เพื่อให้วัคซีนจากแอสตร้าฯ ซ้ำกับการผลิตในประเทศไทยอยู่แล้ว

นพ.โอภาสกล่าวถึงการบริหารวัคซีนว่า ในเฟสแรกจะมีการฉีดวัคซีนให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยง อาทิ กรุงเทพฯ จังหวัดในปริมณฑล และจังหวัดสมุทรสาคร รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมกันนี้ เรายังมีมาตรการเฝ้าสังเกตการณ์ผู้ที่ได้รับวัคซีน ถ้ามีอาการเจ็บป่วยรุนแรงเข้าโรงพย่าบาล หรือเสียชีวิตจะมีการชดเชยกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ แต่ที่ผ่านมาในการทดลองการใช้วัคซีนของ บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ไม่เคยทำให้ใครเสียชีวิต

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่ทีมผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวตอบโต้ฝ่ายค้าน ประเด็นการจัดซื้อวัคซีน ภายในอาคารรัฐสภา ห้อง 203 นั้น นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส. พรรคก้าวไกล ที่เป็นผู้อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มาสังเกตการณ์และจดข้อมูล ถึงภายในห้องที่ใช้แถลงข่าวด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image