รมว.คลังขอเวลาศึกษาแนวทางเก็บภาษีความเค็ม ลั่น! เพื่อสุขภาพ ปชช.

รมว.คลังขอเวลาศึกษาแนวทางเก็บภาษีความเค็ม ลั่น! เพื่อสุขภาพ ปชช.

เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ที่คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาล (รพ.) รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ช่วงการประชุมสัมมนาเพื่อการขับเคลื่อนมาตรการลดการบริโภคเกลือโซเดียมในประชากรไทย ถึงกรณีการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตความเค็มตามปริมาณโซเดียม ว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษา

“การบริโภคโซเดียมเกินเกณฑ์มาตรฐาน ทำให้มีผลต่อสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันการบริโภคเกลือโซเดียมอยู่ที่ 3,600 มิลลิกรัมต่อคนต่อวัน ซึ่งถ้าเป้าหมายที่จะลดให้เหลือครึ่งนึงตามเกณฑ์ มาตรฐานขององค์การอนามัยโลก อยู่ที่ประมาณ 2,000 มิลลิกรัมต่อคน ต่อวัน ดังนั้น จึงคิดว่าจะค่อยๆ ลดเป็นขั้นๆ ไป ก็อาจจะลดลงร้อยละ 20 ก่อน คงจะต้องมีการหารือร่วมกัน” นายอาคม กล่าว

นายอาคม กล่าวว่า ทางด้านการแพทย์นั้น ค่อนข้างชัดเจนว่า 3 โรคที่สำคัญจากการบริโภคโซเดียม คือ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และไตวายเรื้อรัง เป็นส่วนนึงที่ทำให้ประเทศไทยสูญเสียโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม เพราะอัตราการเสียชีวิตใน 3 กลุ่มโรคนี้ค่อนข้างสูง

“มาตรการภาษีก็เป็นเรื่องหนึ่ง ซึ่งปกตินั้นก็จะใช้ได้ผล ในการที่จะลดการบริโภค ในส่วนที่ 2 คือ ภาคอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งอันนี้ที่เราบริโภคกันอยู่ทุกวันมีเกลือหมด แต่ในปริมาณที่แตกต่างกัน โดยต้องหารือว่า จะปรับตัวกันอย่างไรดี ส่วนที่ 3 คือ การรณรงค์ และสร้างมาตรฐาน เช่น ให้กลุ่มอาหารสำเร็จรูป เปลี่ยนสูตรหรือในภัตตาคารที่อาจจะต้องมีการรณรงค์ให้เปลี่ยนการปรุงอาหาร และพฤติกรรมของคนและครอบครัว ให้เปลี่ยนพฤติกรรมการปรุงอาหาร ซึ่ง 2 กลุ่มหลัง ค่อนข้างทำได้ยาก จึงจะต้องทำให้ประชาชนเข้าใจผลของการบริโภคอาหารที่มีเกลือโซเดียมเกินมาตรฐาน” นายอาคม กล่าว

Advertisement

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีกรอบระยะเวลาสำหรับภาษีความเค็มหรือไม่ ว่าจะเริ่มใช้เมื่อไร นายอาคม กล่าวว่า ต้องดูข้อมูล หารือกับทุกฝ่าย ให้มีความพร้อม ร้านอาหารจะต้องปรับตัวด้วย ประชาชนก็ต้องปรับตัว

“เพราะฉะนั้น ความพร้อมที่ว่า เมื่อไร อยู่ที่วิธีการวัดปริมาณเกลือโซเดียม ทางด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์นั้น จะวัดกันอย่างไร เพราะเรื่องนี้จะต้องมีหลายหน่วยงานที่เข้ามาเกี่ยวข้อง รวมทั้งมาตรฐานอุตสาหกรรม ก็ขอเวลาศึกษาอีกระยะหนึ่ง” นายอาคม กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image