วันนี้ ‘สุชาติ’ ถกเยียวยานักดนตรี ผับ บาร์- ‘พิพัฒน์’ หารือชงยืดนั่งดริงก์ถึงเที่ยงคืน
เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า เชิญตัวแทนสมาคม ชมรม เครือข่ายนักร้อง นักแสดง นักดนตรี และผู้ประกอบการสถานบันเทิง คลับ ผับ บาร์ ประชุมหารือเพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะ เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือเยียวยา ทั้งนี้ นายกฯ มีความห่วงใยและให้ความสำคัญกับการดูแลช่วยเหลือกลุ่มคนทำงานทุกสาขาอาชีพที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดยเฉพาะกลุ่มนักร้อง นักดนตรี และอาชีพที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกระทรวงแรงงานจะเร่งดูแลเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบให้ได้รับการช่วยเหลือทุกกลุ่มอย่างเร่งด่วน ตามนโยบายรัฐบาล โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
ขณะที่นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า วันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ จะเป็นประธานการประชุมศูนย์ปฎิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านท่องเที่ยวและกีฬา (ศปก.กก.) เตรียมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สมาคมต่างๆ ในภาคการท่องเที่ยวถึงการเปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารเกินกว่าเวลา 21.00 น. เป็นเวลา 23.00-24.00 น. เพื่อรองรับการเคานท์ดาวน์ปีใหม่ 2565 ได้หรือไม่ และแนวทางในการควบคุมดูแลอย่างไร โดยเฉพาะพื้นที่สีฟ้าด้านการท่องเที่ยว เมื่อได้ข้อสรุปแล้วจะนำเข้าไปคุยในที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ชุดใหญ่ต่อไป
ด้านนายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร เปิดเผย “มติชน” ว่า ผู้ประกอบการร้านอาหารและบันเทิง บนถนนข้าวสาร และผู้ประกอบการใน จ.เชียงใหม่ และ จ.ภูเก็ต รวบรวมรายชื่อผู้ประกอบการ เพื่อยื่นหนังสือถึง ศบค.ภายในสัปดาห์นี้ หรือไม่เกินวันที่ 3 ธันวาคม เพื่อขอให้พิจารณาขยายเวลานั่งกินอาหารดื่มแอลกอฮอลล์ในร้านอาหารและภัตตาคารถึงเวลา 23.00 น. หวังว่าจะมีการทบทวนขยายเวลาได้ก่อนเข้าเทศกาลปีใหม่
“เดือนธันวาคมต่อเนื่องถึงเดือนมกราคมปีหน้า เป็นช่วงของการพักผ่อน เดินทาง ท่องเที่ยว และมีวันหยุดต่อเนื่อง เป็นช่วงที่ธุรกิจร้านอาหารและบริการทำรายได้ การเพิ่มเวลากินอาหารพร้อมดื่มแอลกอฮอล์อีก 2 ชั่วโมง จาก 3 ทุ่ม เป็น 5 ทุ่ม จะช่วยเพิ่มจำนวนผู้เข้าใช้บริการและยอดขายอีกประมาณ 20-30% จากขณะนี้จำนวนคนใช้บริการและยอดขายเฉลี่ยเพิ่งฟื้นแค่ 40-50% จากช่วงปกติก่อนโควิด ส่วนยอดจองที่พักของต่างชาติบนถนนข้าวสารหลังรัฐบาลประกาศเปิดประเทศ ในเดือนพฤศจิกายนยังมียอดจองน้อยมากแค่ 7% ของจำนวนห้องพักที่มีอยู่ และจองล่วงหน้าเดือนธันวาคมเพียง 10% ทำให้ธุรกิจยังแบกภาระสูงกว่ารายได้” นายสง่ากล่าว
