ชัชชาติ ยันเป็นผู้ว่าฯของทุกคน ไม่ได้หนุนม็อบ เป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ขออย่าโยงการเมือง
เมื่อเวลา 12.10 น. วันที่ 21 พฤศจิกายน ที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เสาชิงช้า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีการเปิดพื้นที่ลานคนเมืองให้มีการชุมนุม ในช่วงการประชุมเอเปค
นายชัชชาติกล่าวว่า ทาง กทม.ได้มีการหารือกับฝ่ายความมั่นคงมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็เห็นด้วย ซึ่งตั้งแต่มีการอนุญาตให้ใช้ลานคนเมืองเป็น 1 ใน 7 ที่ชุมนุมสาธารณะ มีคนขอใช้ทั้งหมด 36 ครั้ง 14 ครั้งเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเมือง และอีก 22 ครั้งเป็นการทำกิจกรรมต่างๆ
“ที่ผ่านมาเป็นพื้นที่ให้คนแสดงออกได้ จากที่สังเกตสามารถลดความขัดแย้งบนท้องถนน รวมถึงปัญหาต่างๆ ได้อย่างชัดเจน โดยใช้พื้นที่ลานคนเมืองเป็นพื้นที่แสดงความแตกต่าง และทำให้การวางแผนบริหารจัดการต่างๆ ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ยืนยันว่าสิ่งที่ทำได้คิดอย่างละเอียดแล้ว อาจจะมีปัญหากรณีที่ผู้ชุมนุมเคลื่อนตัวออกไปจากพื้นที่ แล้วเกิดการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่อยากให้เกิด” นายชัชชาติกล่าว
นายชัชชาติกล่าวว่า หาก กทม.ปฏิเสธการใช้พื้นที่ชุมนุม ก็สามารถทำได้ง่ายมาก แต่จะเป็นการโยนภาระให้คนอื่น คนต้องไปชุมนุมบนถนน ยิ่งสร้างปัญหาและการรับมือยากลำบากมากขึ้นยิ่งอีก แต่อาจมีข้อผิดพลาดขึ้นบ้าง ถือเป็นบทเรียนที่ต้องพัฒนาขึ้น ปัญหาคือผู้ชุมนุมออกจากพื้นที่ไปยื่นหนังสือ ในอนาคต กทม.อาจจะจัดให้ 2 ฝ่ายมาเจอกัน เช่น หากมีการประชุมที่มีตัวแทนจากต่างประเทศมา ก็เชิญมาเจอที่ลานคนเมือง หรือจัดตัวแทนของผู้ชุมนุมไปยื่นหนังสือให้กับคนที่อยากเจอ เพื่อลดความขัดแย้ง ส่วนประเด็นของข้อเรียกร้องยังไม่เห็นความชัดเจนว่าต้องการอะไร ทาง กทม.จะเป็นตัวกลางช่วยสรุปประเด็น และทำข้อเสนอให้ชัดเจนเป็นรูปธรรม
“เชื่อว่าการมีพื้นที่ชุมนุมเป็นสัดเป็นส่วนเป็นเรื่องที่ดี ทำให้สถานการณ์ความตึงเครียดลดลง การปะทะกันน้อยลง เพราะมีพื้นที่เป็นสัดส่วน มีช่องให้หายใจได้ มีคนคอมเมนต์เยอะว่าไม่ควรเปิดพื้นที่ชุมนุมให้ ผมเชื่อว่าเป็นวิถีทางที่เราคิดละเอียดแล้ว” นายชัชชาติกล่าว
นายชัชชาติกล่าวว่า เป็นไปตามแนวคิดของการประชุมเอเปคในครั้งนี้คือ Open Connect Balance เรามีการเปิดพื้นที่ให้ เชื่อมโยงคนทุกคนไม่ว่าจะมีความเห็นแตกต่างกันอย่างไร และหาความสมดุลระหว่างผู้เห็นต่าง
เมื่อถามว่า ศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) จะยื่นหนังสือกับทางกระทรวงมหาดไทยให้มีการตรวจสอบการชุมนุมครั้งนี้ นายชัชชาติกล่าวว่า หากจะมีผู้ตรวจสอบก็ยินดี เพราะเรามาตามระบอบประชาธิปไตย เราไม่กลัวการตรวจสอบอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า กรณีที่ กทม.มีการจัดรถสุขาเคลื่อนที่ไปให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่ด้านหน้า สน.ทุ่งสองห้อง นายชัชชาติกล่าวว่า น่าจะเป็นการร้องขอ ถ้าเกิดห้องน้ำไม่พอจะสร้างความเลอะเทอะ สร้างภาระให้กับเจ้าหน้าที่รักษาความสะอาด
“ไม่ได้สนับสนุนผู้ชุมนุม ยืนยันว่าดูแลประชาชนทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน ดังนั้นอย่าไปโยงประเด็นถึงเรื่องการเมือง มองว่าทุกคนก็เป็นคนกรุงเทพฯ ผู้สนับสนุนการประชุมเอเปคจะมาชุมนุมเราก็ไม่ขัดข้องอะไร บางเรื่องก็อย่าเอาไปเป็นเรื่องประเด็นการเมือง เราอยู่ตรงนี้ด้วยความเป็นกลาง เราไม่มีความทะเยอทะยานทางการเมือง เราเป็นอิสระ และเชื่อว่าสิ่งที่ทำเพื่อประโยชน์สูงสุดของกรุงเทพฯ ถึงแม้จะมีการกระทบกระทั่งกัน แต่ก็ไม่ได้บานปลายไปจนถึงกระทบกระเทือนต่อการประชุมเอเปค นี่คือยุทธศาสตร์ที่เราพยายามวางไป….ไม่ได้สนับสนุนม็อบอะไรทั้งสิ้น ไม่ได้ฝักใฝ่ฝ่ายใดอยู่แล้ว เรายืนตรงนี้เป็นกลาง อย่าเอาไปโยงเป็นเรื่องการเมืองอะไร เราทำงานเมืองอยู่ เราดูแลงานเมืองให้เรียบร้อยที่สุด” นายชัชชาติกล่าว
นายชัชชาติกล่าวว่า ส่วนของการดูแลผู้ชุมนุมผู้ที่ถูกจับกุมนั้น เป็นเรื่องของตำรวจในการให้ประกันตัว ในส่วนของ กทม.มีข้อมูลจากกล้อง CCTV แต่ไม่มีใครร้องขอมา ซึ่งได้มีการถามกับ พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. ว่าจะมีการช่วยเหลืออะไรได้บ้าง ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 2 ฝั่ง จะมีการไปเยี่ยม แต่ทางตำรวจกลับบ้านหมดแล้ว และทางผู้ชุมนุมที่ได้รับบาดเจ็บที่ดวงตา ทางแพทย์ยังไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม
“อยู่ตรงนี้ถือว่าเป็นผู้ว่าฯของทุกคน เราดูแลทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นใคร เพราะผมต้องรับใช้ทุกคน หน้าที่เราคือประคองสถานการณ์การประชุมเอเปคให้เรียบร้อย ไม่ให้มีผลกระทบต่อการประชุม เชื่อว่าที่ผ่านมาเราทำได้ดีในระดับหนึ่ง มีพื้นที่ให้คนแสดงออกได้ เราเป็นตัวแทนของคนกรุงเทพฯ 5 ล้านคนไม่ใช่ตัวแทนของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง” นายชัชชาติกล่าว
เมื่อถามว่า ในอนาคตหากมีผู้ชุมนุมมาขอใช้พื้นที่ตรงนี้ แล้วมีการออกนอกพื้นที่ จะทำอย่างไร นายชัชชาติกล่าวว่า พื้นที่สาธารณะตรงนี้ตามหลักแล้วไม่ต้องขออนุญาต เพียงแต่แจ้งให้ทราบ ตามกฎหมายอนุญาตให้คนมาแสดงออกแล้ว แต่อย่าให้เกิดความรุนแรง ต้องรับผิดชอบเนื้อหาที่พูดไม่ให้ผิดกฎหมาย ส่วนการไม่อนุญาตให้ค้างคืน เพราะไม่อยากให้กิจกรรมไปรบกวนคนแถวนี้ แต่ถ้าเกิดค้างคืน แล้วเราไปไล่ออกนอกพื้นที่ ก็จะอาจจะกระทบต่อการประชุมเอเปค เป็นเรื่องที่พิจารณางานต่องาน
“หลักการเราให้เกียรติซึ่งกันและกัน เราคงไม่ได้เอากฎหมายมาถือมาไล่จับคน เราให้เกียรติคนมาแสดงความคิดเห็น เราก็หวังจะได้รับเกียรตินั้นกลับคืนมา สิ่งที่เกิดขึ้นคงต้องมาทบทวนกับฝ่ายความมั่นคง ว่าพื้นที่ตรงนี้มีอะไรต้องปรับปรุงหรือไม่” นายชัชชาติกล่าว