จุดความร้อนวานนี้ ไทยพบ 735 จุด ส่วนใหญ่พบในป่าอนุรักษ์
GISTDA เผยข้อมูลจากดาวเทียมซูโอมิ เอ็นพีพี (Suomi NPP) ของระบบเวียร์ (VIIRS) ไทยพบจุดความร้อน วานนี้ (20 กุมภาพันธ์) จำนวน 735 จุด ในขณะที่จุดความร้อนของประเทศเพื่อนบ้านอย่างสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมายังคงเป็นอันดับหนึ่งอยู่ที่ 2,046 จุด รองลงมาคือประเทศไทย 735 จุด, กัมพูชา 692 จุด, สปป.ลาว 655 จุด, เวียดนาม 107 จุด และมาเลเซีย 5 จุด
สำหรับจุดความร้อนในประเทศไทยส่วนใหญ่พบในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ 261 จุด ป่าสงวนแห่งชาติ 225 จุด พื้นที่เกษตร 107 จุด พื้นที่เขต สปก. 77 จุด ชุมชนและอื่นๆ 64 จุด และริมทางหลวง 1 จุด จังหวัดที่พบจุดความร้อนมากที่สุดคือ อุตรดิตถ์ 88 จุด, ตาก 73 จุด และ เลย 62 จุด ตามลำดับ
ส่วนค่าฝุ่น PM 2.5 เมื่อตรวจสอบจากแอพพลิเคชั่น “เช็คฝุ่น” พบว่าหลายพื้นที่ทางภาคเหนือ อาทิ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก ลำพูน เชียงราย น่าน พะเยา ลำปาง อยู่ระดับที่เริ่มมีผลต่อสุขภาพ แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนออกจากบ้านควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งเพื่อป้องกันโรคระบบทางเดินหายใจที่อาจจะตามมา
สิ่งหนึ่งที่ต้องเฝ้าระวังที่มักจะมากับเหตุการณ์ไฟป่าและจุดความร้อนคือ PM 2.5 สถานการณ์การจุดความร้อนจากประเทศเพื่อนบ้านอาจส่งผลให้เกิด PM 2.5 ได้ในพื้นที่บริเวณชายแดนเนื่องจากได้รับอิทธิพลจากกระแสลมที่จะพัดผ่านเข้ามา ปัญหาไฟป่าหมอกควัน ส่งผลกระทบให้กับระบบต่างๆ ของประเทศมาโดยตลอด โดยเฉพาะระบบเศรษฐกิจ ระบบสังคม
ดังนั้น ในอนาคตอันใกล้นี้ ประเทศไทยกำลังจะได้ใช้ระบบ THEOS-2 อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่ง 1 ในภารกิจสำคัญของระบบนี้ คือการสำรวจ วิเคราะห์ และติดตามสถานการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นหรือคาดว่าจะเกิดขึ้น ได้อย่างทันท่วงทีและแม่นยำ เพื่อการสนับสนุนข้อมูลสำคัญให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำข้อมูลไปใช้วางแผน ป้องกัน บรรเทา และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุดมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม รายละเอียดข้อมูลเฉพาะพื้นที่ท่านสามารถติดตามจากหน่วยงานหลักที่รับผิดชอบโดยตรงได้ GISTDA ยังคงติดตามและรายงานสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลให้กับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำไปใช้บริหารจัดการในพื้นที่ ท่านสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://fire.gistda.or.th และควรติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ผ่านแอพพลิเคชั่น “#เช็คฝุ่น”