คุณภาพอากาศภาพรวมประเทศอยู่ในเกณฑ์ดีถึงดีมาก

บกปภ.ช.เผยคุณภาพอากาศภาพรวมประเทศอยู่ในเกณฑ์ดีถึงดีมาก เน้นย้ำทุกภาคส่วนดำเนินการตามมาตรการ พร้อมบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด

เมื่อวันที่ 26 กูมภาพันธ์บ นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะผู้อำนวยการกลาง/เลขานุการ กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เปิดเผยว่า สำหรับสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ในวันนี้ ภาพรวมของประเทศอยู่ในเกณฑ์ดีถึงดีมาก มีค่าฝุ่นอยู่ในเกณฑ์สีฟ้าและสีเขียวอย่างต่อเนื่อง ทุกสถานีตรวจวัดคุณภาพอากาศไม่มีค่าฝุ่นเกินมาตรฐาน ระดับการระบายอากาศในภาพรวมค่อนข้างดี ส่วนการคาดการณ์คุณภาพอากาศในช่วง 1 – 2 วันข้างหน้า ปริมาณฝุ่นละอองมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นแต่จะอยู่ในช่วงเวลาสั้นๆ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตามมาตรการของรัฐบาลอย่างเข้มข้นเพื่อลดฝุ่นละอองในอากาศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะมาตรการป้องกัน ปราบปราม และบังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมการเผาอย่างเด็ดขาด ซึ่งกรมป่าไม้ได้ติดตามสถานการณ์จุดความร้อนในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ พบว่าวันนี้มีจุดความร้อนเพิ่มขึ้นในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติรวม 4 จุด แยกเป็น พื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ จำนวน 1 จุด ภาคกลางในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 3 จุด โดยได้มีการออกปฏิบัติการควบคุมไฟป่าสะสม รวม 2,597 ครั้ง แยกเป็น พื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ จำนวน 1,401 ครั้ง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 585 ครั้ง และภาคกลาง จำนวน 611 ครั้ง ดำเนินคดีกับผู้ที่เผาป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติแล้ว 17 คดี

นายภาสกร กล่าวว่า ด้านกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ยังได้จัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือกับชุมชนรอบป่า โดยดำเนินการในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ จำนวน 48 แห่ง 463 หมู่บ้าน รวมถึงรณรงค์หยุดเผาแบบเคาะประตูบ้านในพื้นที่ 1,207 ชุมชน 23,522 ครัวเรือน สำหรับการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควันและฝุ่นละออง ภาค 3 ส่วนหน้า เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ มีการปฏิบัติในพื้นที่ป่า รวม 272 ครั้ง อาทิ การดับไฟป่าการลาดตระเวนป้องกันการเผา การจัดทำแนวกันไฟ นอกจากนี้กระทรวงอุตสาหกรรมยังได้รายงานว่าสถานการณ์การหีบอ้อยเพื่อผลิตน้ำตาลทรายในฤดูการผลิตปีนี้ ลดลงเมื่อเทียบกับฤดูการผลิตในปี 2561/2562 โดยมีการรับอ้อยเผาเข้าหีบสะสม ร้อยละ 14.41 ส่งผลให้ลดพื้นที่เผาป่าลงได้กว่า 4.22 ล้านไร่ อีกทั้งได้รายงานความก้าวหน้าของมาตรการการจ่ายเงินชดเชยเกษตรกรที่ไม่รับอ้อยเผาไฟ ประจำปี 2568 ซึ่งปัจจุบันคณะกรรมการอ้อยน้ำตาลทรายได้เสนอเรื่องการชดเชยให้กับเกษตรกรไปยังคณะรัฐมนตรีแล้ว และอยู่ระหว่างการเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาอนุมัติงบประมาณ

นายภาสกร กล่าวต่อว่า สำหรับการดำเนินงานในระดับพื้นที่ ได้ปฏิบัติให้สอดรับกับมาตรการของรัฐบาล โดยเฉพาะมาตรการป้องกัน ปราบปราม และบังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมการเผาอย่างเด็ดขาด ซึ่งจ.ชัยภูมิตรวจพบจุดความร้อนสะสม ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-24 กุมภาพันธ์ จำนวน 2,081 จุด และส่วนใหญ่เกิดจุดความร้อนในพื้นที่เกษตร โดยสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการเผาในที่โล่ง โดยเฉพาะการเผาเศษซากพืชหลังจากการเก็บเกี่ยว ส่วนจุดความร้อนในพื้นที่ป่า เกิดจากความจำเป็นในการบริหารจัดการเชื้อเพลิงการเผาของเจ้าหน้าที่และการเผาเพื่อหาของป่า ประกอบกับสภาพอากาศหนาว แห้งแล้ง และสภาพอากาศปิด ทำให้เกิดการสะสมของฝุ่นละออง ซึ่งจังหวัดได้ดำเนินตามมาตรการลดค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กอย่างเข้มข้น โดยได้มีการประกาศเขตห้ามเผาในพื้นที่ใน 16 อำเภอ 124 ตำบล 1,620 หมู่บ้าน

ADVERTISMENT

นายภาสกร กล่าวว่า มาตรการป้องปรามเพื่อควบคุมการเผา ได้จัดชุดเฝ้าระวังและปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง มาตรการทางปกครอง และตัดสิทธิ์สวัสดิการรัฐทุกกรณี และประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนอย่างต่อเนื่องและการเคาะประตูบ้าน นอกจากนี้ จ.ชัยภูมิมีการประกาศปิดพื้นที่ป่าในเขตอุทยานแห่งชาติ 4 แห่ง และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จำนวน 2 แห่ง เพื่อป้องกันการลักลอบเข้าป่าเพื่อล่าสัตว์หรือหาของป่า อาจก่อให้เกิดปัญหาไฟป่าในพื้นที่ป่า พร้อมดำเนินคดีกับผู้ลักลอบเข้าป่าเพื่อล่าสัตว์และหาของป่า 2 ราย และจัดทำบัญชีรายชื่อผู้ที่มีพฤติกรรมเผาป่า เพื่อล่าสัตว์หาของป่า

นายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะประธานการประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ กล่าวว่า กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติต้องขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ได้มีการดำเนินการตามมาตรการอย่างเข้มข้นและต่อเนื่องจนเริ่มเห็นผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม ถึงแม้ในวันนี้สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 จะดีขึ้น แต่ขอความร่วมมือทุกหน่วยงานยังคงเน้นย้ำการปฏิบัติงานตามมาตรการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นข้อสั่งการของนายกฯ หรือมาตรการของกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติอย่างเข้มข้น ทั้งการบังคับใช้กฎหมาย และการประชาสัมพันธ์สร้างการรับรู้ให้ประชาชนและสร้างการมีส่วนร่วมให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ของภาครัฐ โดยเฉพาะขอให้ทุกจังหวัดยังคงดำเนินมาตรการในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง หากพบจุดความร้อนในพื้นที่ ให้รีบประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน เพื่อให้การแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 มีประสิทธิภาพมากที่สุด

ADVERTISMENT
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image