มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เรียกร้องแทนปชช.รับผลกระทบบีทีเอสขัดข้องทุกกรณี

จากกรณีเหตุการณ์รถไฟฟ้าบีทีเอสขัดข้องบ่อยครั้ง จนผู้โดยสารได้รับผลกระทบ ซึ่งทางบีทีเอสได้ดำเนินการแก้ไข โดยในส่วนของการเยียวยา แบ่งเป็นบัตรแบบเติมเงินและเติมเที่ยวจะไม่มีการตัดเที่ยวหรือค่าเดินทาง ส่วนบัตรโดยสารเที่ยวเดียวสามารถออกจากระบบและเก็บบัตรโดยสารไว้ใช้งานได้ใหม่ภายใน 14 วันตามมูลค่าเดิม

เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) กล่าวถึงมาตรการเยียวยาของบีทีเอส ว่า การเยียวยาเช่นนี้ถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะผลกระทบเกิดมาหลายครั้ง ไม่ใช่แค่ช่วงเกิดเหตุหนักๆ ที่ผ่านมาเท่านั้น จึงควรเยียวยาอย่างเป็นระบบ โดยต้องชดเชยตามจำนวนวันที่เกิดเหตุขัดข้องขึ้น ต้องเยียวยากันตามจริง ทั้งนี้ สำหรับผู้โดยสารที่ซื้อบัตรแบบรายวันหรือแบบเที่ยวเดียว หากเกิดปัญหาแล้วให้เก็บบัตรโดยสารไว้ใช้ภายใน 14 วัน ก็ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม เพราะผู้โดยสารอาจไม่ได้มีความจำเป็นที่ต้องเดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอสอีกภายใน 14 วันก็ได้ จริงๆ หากมีความขัดข้องและเมื่อออกจากระบบก็ควรจะคืนเงินทันที ไม่ใช่ว่าบีทีเอสเอาเงินเข้ากระเป๋าไปแล้ว จะไม่คิดเอาเงินออกเลย ทั้งนี้ หากผู้โดยสารที่ได้บัตรโดยสารเที่ยวเดียวเอาไว้ใช้ภายใน 14 วัน และได้รับความเสียหายคือไม่ได้ใช้งานภายในเวลาที่กำหนด ตรงนี้ถือว่ามีหลักฐานความเสียหายชัดเจน ก็อยากให้ฟ้องเข้ามายังมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคได้เลย เนื่องจากมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคสามารถฟ้องแทนผู้บริโภคตได้ตามกฎหมาย

“ในส่วนของบัตรเติมเงินหรือเติมเที่ยวไม่น่าเป็นห่วง เพราะเราเรียกร้องให้พอแตะบัตรแล้ว ไม่คิดเงินหรือไม่คิดเที่ยวตามจำนวนวันที่เสียหายได้ แต่ที่มีปัญหาคือผู้ที่ใช้บัตรประเภทเที่ยวเดียว เพราะเมื่อออกจากระบบก็เท่ากับคืนบัตรไปแล้ว ไม่มีหลักฐานว่าเป็นผู้ได้รับผลกระทบ ซึ่งหากจะฟ้องว่าได้รับผลกระทบก็ต้องมีหลักฐาน เช่น มีภาพของบัตรเที่ยวเดียวที่ใช้ในวันนั้น หรือหลักฐานว่ามีการเข้าไปในชานชาลาจริงในวันที่เกิดเหตุ มิเช่นนั้นก็ฟ้องความเสียหายได้ยาก แต่ในส่วนของคนที่มีบัตรเที่ยวเดียวให้นำกลับมาใช้ภายใน 14 วัน แล้วไม่ได้ใช้ตรงนี้สามารถฟ้องได้แน่นอน” น.ส.สารีกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image