อย.เรียกข้อเท็จจริง ‘2 บริษัท’ กรณี ‘ยาความดัน’ ก่อมะเร็ง ย้ำหากก่อโรคจริง-พิสูจน์ได้ฟ้องโดยตรง

เมื่อวันที่  15 กรกฎาคม นพ.วันชัย สัตยาวุฒิพงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินการเรียกเก็บคืนผลิตภัณฑ์ยาวาลซาร์แทน (Valsartan) ซึ่งเป็นกลุ่มยาความดันโลหิต ใน 22 ประเทศ ทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ว่า  กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากพบสารก่อมะเร็งในวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตยา โดยบริษัท Zhejiang Huahai Pharmaceuticals ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัตถุดิบวาลซาร์แทน (Valsartan) ในสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ออกมายอมรับถึงความผิดพลาดดังกล่าว ว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงกระบวนการผลิตวัตถุดิบนั้น ทั้งนี้ ในประเทศไทย มีบริษัทผู้รับอนุญาตผลิต/นำหรือสั่งยาวาลซาร์แทนเข้ามาในราชอาณาจักร จำนวน 7 บริษัท และมีทะเบียนตำรับยาที่ได้รับอนุญาตให้จำหน่าย จำนวนทั้งสิ้น 14 ตำรับ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า มีบริษัทผู้รับอนุญาตที่ใช้วัตถุดิบจาก Zhejiang Huahai Pharmaceuticals เพียง 2 ราย ได้แก่ บริษัท สีลมการแพทย์ จำกัด และ บริษัท ยูนีซัน จำกัด ซึ่งมีเลขทะเบียนตำรับ รวม 5 ตำรับ

นพ.วันชัย กล่าวอีกว่า ปัญหาคือ เมื่อทางบริษัทผู้ผลิตได้ซื้อเคมีจากจีนทราบเรื่องดังกล่าว ก็รีบแจ้งทางอย. และให้เรียกเก็บทันที ส่วนทางอย. จะมีการดำเนินการอย่างไรนั้น ก็จะมีกระบวนการขั้นตอนในการสอบสวนกับบริษัทผู้ผลิตว่าจะดำเนินการอย่างไร เบื้องต้น อย.ก็ได้เรียกดูข้อมูลจำนวนการผลิต และการขายจาก 2 บริษัทซึ่งคาดว่าน่าจะได้รับข้อมูลกลับมาภายในสัปดาห์นี้ ทั้งนี้ประชาชนที่มีการถือยาตัวที่อย.ประกาศอยู่นั้นสามารถนำตัวยาดังกล่าวกลับไปพบแพทย์ที่รพ.ตามสิทธิเพื่อขอเปลี่ยนยาได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

“สิ่งสำคัญคือความปลอดภัยของผู้ป่วย  อย.จึงต้องเรียกคืนผลิตภัณฑ์ยาเหล่านี้ ซึ่งมีทั้งหมด 5 ตำรับ ประกอบด้วย กลุ่มยาของ บริษัท สีลมการแพทย์ จำกัด จำนวน 2 ทะเบียนตำรับ ได้แก่ 1. ยา VALATAN 80 ทะเบียนตำรับยาเลขที่ 1A 9/54 (NG) และ 2. ยา VALATAN 160 ทะเบียนตำรับยาเลขที่ 1A 10/54 (NG)  และของ บริษัท ยูนีซัน จำกัด จำนวน 3 ทะเบียนตำรับ ได้แก่ 1. ยา VALSARIN 80 ทะเบียนตำรับยาเลขที่ 1A 4/60 (NG)  2. ยา VALSARIN 160 ทะเบียนตำรับยาเลขที่ 1A 5/60 (NG) 3. ยา VALSARIN 320 ทะเบียนตำรับยาเลขที่ 1A 6/60 (NG)” นพ.วันชัยกล่าว

นพ.วันชัย กล่าวว่า ส่วนที่หลายคนใช้ยาความดันโลหิตดังกล่าวแล้วกังวลว่า อนาคตจะเกิดมะเร็งหรือไม่ และจะเรียกร้องจากใคร จริงๆ แล้วสามารถฟ้องโดยตรงกับทางบริษัท โดยใช้กฎหมายของ สคบ.ได้  แต่ทางอย.ก็ไม่นิ่งนอนใจ เราก็มีกฎหมายในการควบคุมผลิตภัณฑ์ยา ซึ่งเราก็ต้องสอบสวนทางบริษัทยา แต่ก็จะเป็นขั้นตอนต่อไป สิ่งสำคัญคือ การเรียกคืนผลิตภัณฑ์เหล่านี้ภายใน 15 วันก่อน แต่ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มียาอื่นใช้ เพราะในกลุ่มเดียวกันยังเหลืออีก 9 ตำรับในการใช้ได้ ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้พิจารณา และหากมีข้อเรียกร้องหรือกังวลอะไร ให้สอบถามหรือร้องเรียนมาได้ที่สายด่วน อย. 1556

Advertisement

ด้าน นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการ อย. กล่าวว่า ขณะนี้แม้จะยังไม่พบว่าก่อโรคในคน แต่เมื่อพบความไม่ปลอดภัยในสัตว์ทดลอง ซึ่งตามหลักการแล้วหากพบสารตัวใดเกิดอันตรายในสัตว์ทดลองแล้ว ก็มีโอกาสเกิดอันตรายกับมนุษย์ ดังนั้นหลายประเทศทั่วโลกจึงได้ออกมายกเลิกทะเบียนตำรับ รวมถึงประเทศไทยด้วย  5 ตำรับจาก 2 บริษัทตอนนี้อยู่ระหว่างการเรียกคืนยาจากท้องตลาด อย่างไรก็ตามยา 5 ตำรับนี้เป็นยานอกบัญชียาหลักแห่งชาติ จึงคาดว่าปริมาณการผลิต การใช้ไม่น่าจะมีมากนัก

เมื่อถามว่าผู้ป่วยที่กินยาใน 5 ตำรับที่ประกาศเตือนแล้วกังวลถึงอันตราย นพ.สุรโชค กล่าวว่า ตอนนี้ที่เรากังวลคือเกรงว่าประชาชนจะตกใจกลัวมากจนไม่กินยาลดความดัน ซึ่งต้องเรียนว่าหากไม่กินยาลดความดัน อาจจะทำให้มีผลแทรกซ้อนจากโรคความดัน ซึ่งอันตราย ดังนั้นอย่าขาดยา เพราะมียาอีกหลายตัวที่ใช้ทดแทนกันอยู่ หากมียาตัวที่เป็นปัญหาอยู่ในมือก็สามารถไปเปลี่ยนยาที่สถานพยาบาลตามสิทธิได้ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งความเสียหายที่เกิดขึ้นนั้นเบื้องต้นทาง 2 บริษัทยาแห่งยินดีรับผิดชอบจ่ายคืนเงิน และเปลี่ยนตัวยาที่ไม่มีปัญหาให้แทน ทั้งนี้ หากยังไปเปลี่ยนยาไม่ได้ก็ยังสามารถกินยาตัวเดิมได้ เช่นที่อเมริกาที่การหาหมอเป็นเรื่องยากลำบาก องค์การอาหารและยาของอเมริกาก็ให้ประชาชนกินยาตัวเดิมได้อยู่

ด้าน นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนาวัฒนา เลขาธิการคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ปัจจุบันผู้ที่มีสิทธิในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) กว่า 49 ล้านคนนั้น พบว่าประมาณร้อยละ 15 เป็นผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง

Advertisement

 

 

 

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image