เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ที่อาคารศูนย์บริการจัดหางานเพื่อคนไทย กระทรวงแรงงาน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธีเปิด “ศูนย์ที่นี่มีงานทำ (Job Ready Center)” ภายใต้แนวคิด “ประชารัฐ ร่วมใจ เพื่อคนไทยมีงานทำ” เพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีที่ยังไม่มีงานรองรับให้มีงานทำและมีรายได้ ตรงกับความต้องการและความสามารถของตนเองสอดคล้องกับภารกิจกระทรวงแรงงาน พร้อมเยี่ยมชมภายในศูนย์ ซึ่งมี พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายจรินทร์ จักกะพาก ปลัดกระทรวงแรงงานและคณะผู้บริหารระดับสูง ร่วมงาน
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การจัดตั้งศูนย์ที่นี่มีงานทำเพื่อสร้างโอกาสให้แก่ผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีที่ยังไม่มีงานทำ ถือกลุ่มเป้าหมายหลักให้มีงานทำเหมาะสมกับวุฒิการศึกษาและตรงตามความต้องการ เพียงนำประจำตัวประชาชนใบเดียวเดินทางมายังศูนย์ที่นี่มีงานทำที่เปิดบริการพร้อมกันทั่วประเทศ จำนวน 11 แห่ง ภายในพร้อมให้บริการครบวงจร ทว่าวันนี้พบวันนี้มีตำแหน่งงานรองรับ ณ ปัจจุบันถึง 3,000 อัตรา โดยมีผู้สนใจทยอยเข้ามาสมัครอย่างต่อเนื่อง โดยอนาคตจะขยายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ สำหรับตัวเลขนักศึกษาปริญญาตรีที่สำเร็จการศึกษาแต่ยังไม่มีงานทำประมาณ 170,000 คนนั้น ถือเป็นตัวเลขน้อยเมื่อเทียบกับประเทศทั่วโลก ขณะที่ อัตราว่างงานของประเทศไทยเมื่อเทียบกับประเทศต่างๆ ทั่วโลกมีอัตราว่างงานน้อยที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ของโลก ซึ่งรัฐบาลก็พยายามให้ผู้ว่างงานเข้าสู่ระบบจ้างงานและมีงานทำ
“รัฐบาลอยากให้คนมีงานทำ อย่างน้อยถ้ายังไม่ได้บรรจุตำแหน่งงานก็ไปเป็นลูกจ้างชั่วคราวหรือลูกจ้างทั่วไปจะได้มีงานทำดีกว่าอยู่บ้านเฉยๆ ส่วนการทำให้จ้างเหมาบริการสาธารณสุขทั่วประเทศราว 4-5 แสนรายไม่ได้รับสวัสดิการนั้น เบื้องต้นทราบว่าขณะนี้อยู่ในขั้นตอนพิจารณา ไม่รู้ว่าคืบหน้ายังไงเพราะไม่ใช่คนพิจารณา” รองนายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ส่วนปัญหาเด็กจบปริญญาตรีว่างงานจะต้องแก้ตั้งแต่ระบบการศึกษาหรือไม่นั้น ตอนนี้ทางกระทรวงศึกษามีวิชาแนะแนวทางอาชีพอยู่แล้ว แต่เด็กไม่ค่อยปฎิบัติตามกัน เรียนเอาแต่ความชอบของตนเอง ดังนั้น เมื่อจบการศึกษาออกไปก็ไม่มีงานทำ เพราะงานมันเต็ม ส่วนเวลาเรียนเด็กก็ชอบเรียนของง่าย เอาแค่จบปริญญาตรีไว้ก่อน แล้วบ่นว่าจบแล้วไม่มีงานทำ เพราะเรียนไม่ตรงกับความต้องการตลาดแรงงาน ซึ่งรัฐบาลก็พยายามหาแนวทางให้เด็กมีงานทำที่ใกล้เคียงและเหมาะสม
พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า ศูนย์ที่นี่มีงานทำ เปิดนำร่องพร้อมกันทั่วประเทศ 11 แห่ง ได้แก่ เชียงใหม่ พิษณุโลก พระนครศรีอยุธยา ปราจีนบุรี นครราชสีมา ขอนแก่น ชลบุรี ระยอง สุราษฎร์ธานี สงขลาและกรุงเทพมหานคร ก่อนขยายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ ภายในเปิดให้บริการ 1.แนะแนวงานที่เหมาะสมกับความสามารถและความสนใจของผู้เข้ารับบริการ อาทิ การจัดทดสอบความพร้อมและความถนัดทางอาชีพเบื้องต้น 2.การจับคู่งาน ระหว่างผู้ที่กำลังหางานกับนายจ้าง สถานประกอบการ โดยใช้ฐานข้อมูลของกระทรวงแรงงานและหน่วยงานภาคีเครือข่าย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ผ่านจ็อบแฟร์ โมบายแอพพ์ ไลน์จ๊อบ จ็อบบ็อกซ์ เป็นต้น รวมถึงการรับงานไปทำที่บ้าน 3.การพัฒนาทักษะ กรณีที่ต้องการยกระดับความสามารถของตนเอง โดยจัดฝึกอบรมในหลักสูตรต่างๆ ในระยะสั้น 18-60 ชั่วโมงส่วนระยะยาว 60 วันขี้นไป และ 4.การคุ้มครองการจ้างงานสภาพการทำงาน สวัสดิการลูกจ้างพึงได้รับและการนำเข้าสู่ระบบประกันสังคม
