จิ้งจอกไทย กินปลวก ไม่ได้โหด กินเด็กเหมือนนิทานหนูน้อยหมวกแดง
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม นส.กาญจนา นิตยะ ผู้อำนวยการสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) เปิดเผยว่า ปัญหาหนึ่งที่เกิดขึ้นกับสัตว์ป่าเวลานี้ก็คือ การที่มีคนเข้าไปขโมยลูกสุนัขจิ้งจอกออกมาจากโพรงแล้วนำไปลักลอบขาย ทั้งทางโวเซียลบ้าง หรือลักลอบขายในตลาด ซึ่งลูกสุนัขจิ้งจอกตอนยังเล็กยังก็เหมือนลูกสุนัขทั่วไปคือ ขนฟูน่ารัก แต่เมื่อโตขึ้น รูปร่างก็เปลี่ยนไป ไม่น่ารัก เหมือนตอนยังเล็ก จึงถูกนำไปปล่อยทิ้งในป่า สัตว์พวกนี้หากินไม่เป็นจึงมักเข้าหาชาวบ้าน ขโมยกินสัตว์เลี้ยง สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านที่อยู่ชายป่าที่มีการแอบนำเอาสุนัชจิ้งจอกไปทิ้งจำนวนมาก อย่างไรก็ตามยังมีประชาชนอีกกลุ่มหนึ่ง ไม่ได้เอาไปทิ้งในป่า แต่จะไปแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าพบเจอสัตว์เหล่านี้ เพื่อหลีกเลี่ยงความผิด ทางกรมอุทยานแห่งชาติ โดยสำนักอนุรักษ์สัตว์ป่าจึงต้องเลี้ยงดูเอาไว้ เช่นที่ สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้งต้องดูแลสุนัข จิ้งจอกที่เป็นประเภทสัตว์ป่าแก้ไขปัญหาเกือบ 20 ตัวด้วยกัน
นายตรศักดิ์ นิภานันท์ หัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง กล่าวว่า เวลานี้ทางสถานีฯดูแลสุนัขจิ้งจอก ซึ่งเป็นสัตว์ป่าแก้ไขปัญหาเอาไว้ 15 ตัว ด้วยกัน ถือว่าเป็นจำนวนที่มากพอสมควร สัตว์พวกนี้ควรจะไปใช้ชีวิตอยู่ในป่า แต่ถูกขโมยออกมาจากโพรงตั้งแต่เด็กๆ พอโตขึ้นไม่อยากเลี้ยงก็เอามาทิ้ง เพราะสุนัขจิ้งพวกพวกนี้ เลี้ยงไม่ค่อยเชื่อง เมื่อถึงช่วงวัยเจริญพันธุ์ก็จะหอนเสียงดังน่ารำคาญมาก อีกทั้งยังมีกลิ่นตัวที่เหม็นรุนแรงอีกด้วย จึงไม่มีใครเลี้ยงสัตว์พวกนี้ได้ทนทาน มีหลายรายที่แอบเอาไปปล่อย ข้างป่า พอพวกมันหิวก็แอบไปขโมยกินเป็ดกินไก่ชาวบ้าน
“พูดถึงสุนัขจิ้งจอก ในประเทศไทยไม่ได้ถือว่าหายากหรือใกล้สูญพันธุ์แต่อย่างใด ออกจะมีมากด้วยซ้ำ อาศัยอยู่ตามป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้งทั่วไป อาหารหลักๆของมันคือ ปลวก และสัตว์ตัวเล็กๆ พวกหนู นก ไก่ พอเราพูดถึงสุนัขจิ้งจอก คนไทนส่วนใหญ่เลย จะนึกไปถึงนิทานเรื่องหนูน้อยหมวกแดง ซึ่งเป็นสุนัขจิ้งจอกเหมือนกัน นิสัยโหดร้าย เจ้าเล่ห์ กินเนื้อเป็นอาหาร ซึ่งจิ้งจอกดังกล่าวเรียกว่า ฟ้อก(Fox) แต่สุนัขจิ้งจอกในประเทศไทย จะตัวเล็กกว่าเรียกว่า แจ็คเคิ่ล(jackal )มีสีน้ำตาลแกมเทาซึ่งต่างจากหมาในที่มีขนาดใหญ่กว่าและมีขนสีแดงบางตัวบริเวณหัวไหล่มีปลายขนสีดำทำให้เห็นเป็นลักษณะหลังอานซึ่งหมาในไม่มีลักษณะหลังอานเช่นนี้ แตกต่างจากสุนัขบ้านตรงที่หางมีลักษณะคล้ายแปรงหนา ขนตอนปลายหางประมาณ 1 ใน 3 ส่วนของความยาวหาง หางจะมีสีดำห้อยลงปลายไม่งอน กระหม่อมหลังใบหู และขาหน้าตอนล่างมีแก้มสีแดงแกมส้ม ตีนมีสีเข้มยาว น้ำหนักประมาณ 7-15 กิโลกรัม”นายตรศักดิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า สุนัขจิ้งจอกในประเทศไทย ดุเหมือนสุนัขจิ้งจอก ฟ้อก ในหนูน้อยหมวกแดงหรือไม่ นายตรศักดิ์ กล่าวว่า ในธรรมชาตินอกจากมันไม่ดุแล้ว ชีวิตยังดูเหมือนจะน่าสงสารอีกต่างหาก คือ ต้องคอยหาปลวกกิน หรือไม่ก็คอยกินซากสัตว์ที่เหลือจากพวกหมาไน หรือสัตว์อื่นๆกินเหลือ โดยสุนัขจิ้งจอก แจ็คเคิ่ลนั้น กินได้ทั้งพืชและเนื้อสัตว์ เป็นสัตว์ผัวเดียวเมียเดียว ปรับตัวเก่ง ถามว่า พวกมันเจ้าเล่ห์เหมือนในนิทานหรือไม่ ไม่ทราบ แต่พวกมันฉลาดสำหรับการเอาตัวรอด
“สุนัขจิ้งจอกที่เราดูแลอยู่ที่สถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้งนั้น เราขังเอาไว้ในกรง เป็นกรงใหญ่และโปร่งพอสมควร เพาะหากให้อยู่ในกรงเล็กอับจะมีกลิ่นตัวที่แรงมาก พวกนี้เคยถูกเลี้ยงมาก่อนแล้วเอามาทิ้ง อย่างไรก็ตามมันไม่คุ้นกับคน ไม่เชื่อง ขี้กลัว และเครียดง่าย เมื่อเครียดจะวิ่งไปวิ่งมาไม่หยุด ตัวสั่น ดูแล้วน่าสงสารมากกว่าน่ากลัว มาก”หัวหน้าสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าห้วยขาแข้ง กล่าว
