“ประพัฒน์” ส่งทนายจี้คพ.เร่งทวงคืนค่าก่อสร้างคลองด่าน 2.3 หมื่นล. หลังศาลฎีกาพิพากษาเอกชนฉ้อโกง

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.)กรรมการในคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคได้ มอบหมายให้นายณกฤช เศวตนันท์ ทนายความ ในคดีการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียคลองด่าน จ.สมุทรปราการ เข้ายื่นหนังสือถึงนางสุณี ปิยะพันธุ์พงศ์ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ(คพ.) เพื่อเรียกร้องให้ดำเนินการในคดีค่าโง่คลองด่าน

โดยนายประพัฒน์ เปิดเผยว่า เดิมศาลปกครองสูงสุดได้เคยมีคำพิพากษาให้ฝ่ายรัฐ คือ คพ. จ่ายค่าเสียหายที่เรียกว่าค่าโง่ในคดีโครงการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียคลองด่าน เป็นจำนวนสูงเกือบหนึ่งหมื่นล้านบาท แต่ต่อมาศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 6 มีนาคม เพิกถอนคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการให้ คพ.ไม่ต้องชดใช้ค่าโง่ให้กลุ่มกิจการร่วมค้าเอ็นวีพีเอสเคจีที่ได้ร่วมกันฉ้อโกงฝ่ายรัฐอีกต่อไป และล่าสุดศาลฎีกามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม ลงโทษกลุ่มกิจการร่วมค้าฯโดยเฉพาะกรรมการผู้จัดการหรือผู้แทนรวม 18 คน ทั้งในฐานร่วมกันฉ้อโกงที่ดินก่อสร้างโครงการและฐานร่วมกันฉ้อโกงสัญญาที่รับจ้างก่อสร้างกับรัฐ โดยจำเลยได้ร่วมกันกระทำผิดจริงให้ลงโทษจำคุกกลุ่มที่ผิดฐานฉ้อโกงที่ดินคนละ 3 ปี และกลุ่มที่ผิดฐานฉ้อโกงสัญญาอีกด้วยรวมเป็นโทษจำคุกคนละ 6 ปี และไม่รอลงอาญา

อดีตรัฐมนตรี ทส. กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา คพ.ในฐานะหน่วยงานเจ้าของเรื่องได้เคยประชุมร่วมกับกรมบัญชีกลางและสำนักงบประมาณเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2558 โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานและมีมติไว้แล้วว่าหากในคดีอาญาฐานฉ้อโกงดังกล่าว ศาลฎีกาตัดสินให้กิจการร่วมค้ามีความผิดเมื่อใด คพ.จะต้องดำเนินการเรียกให้ผู้ต้องหารับผิดชอบชดใช้เงินทันที แต่คพ.กับเพิกเฉย มีเจตนาจะไม่เรียกให้เจ้าหน้าที่รัฐกลุ่มที่ต้องรับผิดชอบตัวจริงซึ่งได้แก่กลุ่มกิจการร่วมค้าฯ และกลุ่มนายประกิต กิระวานิช อดีตอธิบดี คพ.กับพวก เข้ามารับผิดชอบกลับยังคงเรียกร้องให้ตนกับพวกรวม 7 คน ซึ่งเป็นผู้กล่าวอ้างว่าสัญญาในโครงการเป็นโมฆะต้องเป็นแพะรับผิดชอบต่อไป

“ขอเรียกร้องให้ คพ.ปฏิบัติตามมติในที่ประชุมร่วมกับนายวิษณุ และให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง รวมทั้งคำพิพากษาของศาลฎีกาในทันที เพื่อเรียกร้องให้กิจการร่วมค้าฯ รับผิดชอบค่าโง่ที่รัฐจ่ายไปแล้วบางส่วน จำนวน 4,000 ล้านบาท และค่าเสียหายต่างๆ ของโครงการจำนวนประมาณ 2.3หมื่นล้านบาท ร่วมกับกลุ่มของนายประกิตที่ร่วมกันทุจริตในฐานะเจ้าหน้าที่รัฐ ตามพ.ร.บ.ความผิดทางละเมิดฯ เป็นการด่วน เพราะกลุ่มบุคคลเหล่านี้คือกลุ่มที่ร่วมกันสร้างความเสียหายต่อประเทศตัวจริง นอกจากนั้น คพ.ต้องเพิกถอนคำสั่งที่เคยออกไว้ที่เรียกให้ผมกับพวกซึ่งเป็นแพะชดใช้ค่าเสียหายรวม 2 หมื่นกว่าล้านบาทด้วย มิฉะนั้นจะดำเนินการฟ้องอธิบดี คพ.คนปัจจุบันให้รับผิดทั้งทางอาญาและทางแพ่งทันที ไม่เข้าใจว่าพวกผมได้ช่วยกันทำความดีรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติตลอดมา แล้วเหตุใด คพ.จึงปฏิบัติต่อพวกผมดังเช่นคนชั่วร้ายต่อแผ่นดินเช่นนี้ ” นายประพัฒน์ กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image