ธรณ์จี้ตรวจจระเข้ฟาร์มเลี้ยงไม่ฝังไมโครชิป ชี้ ‘ยะนุ้ย’ น่าจะเป็นลูกผสม

วันที่ 30 กรกฎาคม ผศ.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) ให้สัมภาษณ์เรื่องการจับจระเข้ที่พบบริเวณชายหาดยะนุ้ย ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมาว่า ยังไม่รู้ว่าเป็นจระเข้น้ำเค็ม หรือจระเข้พันธุ์ผสม ต้องรอตรวจดีเอ็นเอก่อน แต่เบื้องต้นคาดว่าไม่น่าจะเป็นจระเข้น้ำเค็ม เหมือนกับที่เคยจับจระเข้เลพังได้ที่หาดเลพัง เมื่อเร็วๆ นี้เช่นกัน

“ผมว่าหากตรวจดีเอ็นเอออกมาแล้วพบว่าเป็นจระเข้ลูกผสมอีกครั้งเหมือนกับที่เราเจอเจ้าเลพัง เราควรมีมาตรการจริงจังเกี่ยวกับเรื่องการเลี้ยงจระเข้ในฟาร์มจระเข้เสียที เพราะตามกฎหมายแล้ว จระเข้ในฟาร์มเลี้ยงทุกตัวจะต้องมีการฝังไมโครชิปใต้ผิวหนัง เพื่อให้ทราบที่มา ที่ไปว่าเป็นจระเข้ที่มาจากฟาร์มเลี้ยงใด แต่ปรากฏว่าเจ้าเลพังนั้นตรวจไม่พบไมโครชิป แต่ที่รู้ว่าเป็นจระเข้หลุดจากฟาร์มเลี้ยงเพราะตรวจดีเอ็นเอยืนยันได้ ตัวที่เจอล่าสุดหรือเจ้ายะนุ้ยนั้น เบื้องต้นก็ตรวจไม่พบไมโครชิปอีกเช่นกัน แสดงให้เห็นว่า 1.ไมโครชิปอาจจะหลุดไปตั้งแต่ตอนเป็นจระเข้เด็กๆ 2.ฟาร์มไม่ได้ติดไมโครชิปให้ และ 3.ไมโครชิปอาจจะหายไป หรือเสียหรือประการสุดท้าย เป็นจระเข้น้ำเค็ม ซึ่งข้อหลังสุดมีความเป็นไปได้น้อยมากๆ ผมว่าเรื่องสำคัญเลยกับการที่เราเจอจระเข้หลุดจากฟาร์มแล้วไม่พบว่ามีการฝังไมโครชิปตามกฎหมาย แปลว่าอะไร ฟาร์มจระเข้ไม่ยอมฝังไมโครชิปให้จระเข้ของตัวเองใช่หรือไม่ ซึ่งเดี๋ยวนี้เวลามีปัญหาเรื่องน้ำท่วมมีฟาร์มหลายแห่งทำจระเข้หลุด แต่ไม่มีการพูดถึงไมโครชิปที่อยู่ในตัวจระเข้ เรื่องนี้กรมประมงจะต้องดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งสำหรับตรวจสอบว่าฟาร์มจระเข้มีการฝังไมโครชิปตามที่กฎหมายกำหนดไว้หรือไม่” ผศ.ธรณ์กล่าว

ผศ.ธรณ์กล่าวว่า มีคำถามแบบดราม่าเข้ามาที่ตนมากว่าทำไมถึงต้องจับจระเข้ออกมาจากแหล่งที่อยู่ของพวกมันด้วย ทำไมไม่ปล่อยให้อยู่ตามธรรมชาติ ขอเรียนว่า จระเข้ตัวล่าสุดนั้นไม่ได้อยู่ในธรรมชาติ แต่อยู่ในสถานที่ท่องเที่ยว ในชายหาดที่มีนักท่องเที่ยว ซึ่งไม่ใช่พื้นที่อุทยานแห่งชาติ และตนค่อนข้างมั่นใจว่าจระเข้ตัวนี้ไม่ใช่จระเข้ที่อยู่ในพื้นที่ดั้งเดิมบริเวณนี้ เนื่องจากเมืองไทยไม่มีรายงานการเจอจระเข้น้ำเค็มในทะเลมานานเกือบ 40 ปีแล้ว ดังนั้นจึงเป็นการสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่งที่จะปล่อยเอาไว้ ซึ่งก็มีความเป็นไปได้ว่ามันอาจจะทำร้ายนักท่องเที่ยวก็ได้ตามสัญชาตญาณของสัตว์นักล่าทั่วไป

ผศ.ธรณ์กล่าวว่า สำหรับเจ้ายะนุ้ยนั้นอยู่ระหว่างการรอตรวจดีเอ็นเอ หากเป็นจระเข้น้ำเค็มก็จะให้ทางกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืชเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบ เพราะถือเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง แต่หากพบว่าเป็นจระเข้ลูกผสมก็ต้องให้ทางกรมประมงดูแล และต้องเอาไว้ที่สวนสัตว์ภูเก็ตอยู่คู่กับจระเข้เลพังต่อไป

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image