‘บิ๊กเต่า’ มอบปลัด ทส.ศึกษาเก็บค่าใช้ถุงพลาสติก นำเงินเข้ากองทุนแก้ปัญหาขยะ

เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “มาตรการลด และคัดแยกขยะมูลฝอยในหน่วยงานภาครัฐ” เพี่อชี้แจงให้ทุกหน่วยงานภาครัฐได้รับทราบกรอบแนวทาง มาตรการลด และคัดแยกขยะมูลฝอยในหน่วยงานภาครัฐ และนำไปใช้เป็นแนวทางการดำเนินงานในหน่วยงานได้อย่างเหมาะสมและมีประสิทธิภาพ โดยมีตัวแทนทั้งจากภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมประชุมกว่า 500 คนจากทุกกระทรวง

พล.อ.สุรศักดิ์กล่าวว่า ตั้งแต่ปีงบประมาณ พ.ศ.2562 หรือวันที่ 1 ตุลาคมนี้ กำหนดเป้าหมายให้ข้าราชการทั่วประเทศ จำนวน 2.53 ล้านคน ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและคัดแยกขยะมูลฝอยเป็นตัวอย่างให้กับประชาชนและหน่วยงานเอกชนและทุกอาคารสำนักงานของหน่วยงานภาครัฐ โดยจากข้อมูลของ คพ.พบว่าข้าราชการแต่ละคนสร้างขยะในสำนักงานเฉลี่ยคนละ 300 กรัม ต่อคน ต่อวัน ถ้าข้าราชการทุกคนร่วมมือกันจึงจะช่วยลดขยะได้เป็นจำนวนมาก โดยคาดว่าขยะมูลฝอยจากหน่วยงานภาครัฐจะลดลงได้มากถึง 1.2 หมื่นตัน ต่อปี ส่งผลให้หน่วยงานภาครัฐประหยัดงบประมาณในการจัดการขยะมูลฝอย รวมทั้งสามารถสร้างรายได้จากขยะรีไซเคิลที่คัดแยกได้ ซึ่งจะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับประชาชนหน่วยงานเอกชนในการดำเนินการร่วมกันต่อไป ทั้งนี้ ขอมอบหมายให้ปลัดทส.ไปศึกษาพิจารณาการเก็บค่าใช้ถุงพลาสติกว่าจะสามารถนำมาใช้กับประเทศไทยได้หรือไม่ ถ้ารัฐบาลให้เก็บแล้วจะเอาเงินไปไหน เป็นไปได้ที่จะนำมาเข้ากองทุนสิ่งแวดล้อมเพื่อแก้ปัญหาขยะพลาสติกต่อไปได้หรือไม่ ซึ่งต้องพิจารณาให้ดีเพราะหากเสนอมาแล้วรัฐบาลอาจจะได้ก้อนหินจะมากกว่าดอกไม้

พล.อ.สุรศักดิ์กล่าวอีกว่า ถึงเวลาแล้วที่ข้าราชการทุกคนต้องลุกขึ้นมาทำหน้าที่ของตัวเองให้เต็มที่ วันนี้มี 35 ประเทศเป็นอย่างน้อยที่เอาขยะพลาสติกเข้าประเทศไทย ในที่ประชุมมีการต่อรองกับตน ซึ่งตนได้ชี้แจงประธานสภาอุตสาหกรรมและนักธุรกิจทั้งหมดว่า รัฐบาลมุ่งหวังในเรื่องสุขภาพของคนไทยและสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก ดังนั้น ไม่ต้องมาต่อรองกับตน การนำขยะเข้าประเทศควรจะยุติได้แล้ว ซี่งทุกคนก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ นอกจากนั้น ยังมีขยะอีกหลายชนิดที่กำลังเข้าสู่ประเทศไทย เช่น เศษเหล็ก ตะกั่ว ทองแดง เป็นต้น เพราะยังไม่มีกฎหมายการห้ามนำเข้า-ส่งออก ภาษีก็แทบจะไม่มี โดยในวันที่ 15 ส.ค.นี้ จะมีการประชุมคณะอนุกรรมการ ซึ่งจะมีข้อสรุปบัญชีรายชื่อขยะอิเล็กทรอนิกส์และเศษพลาสติกเพื่อให้กระทรวงพาณิชย์นำไปออกประกาศการห้ามนำเข้ามาภายในราชอาณาจักรไทยต่อไป

“คนที่ร่ำรวยจากการทำอาชีพนำเข้าขยะก็ขอให้ไปทำอาชีพอื่น ซื้อมา กก.ละ 6 บาท ขายออกไป กก.ละ 19 บาท แต่สิ่งที่ประเทศไทยได้คือซากเหลือที่เป็นพิษ แต่คนในวงจรธุรกิจนี้กำไรมหาศาล ให้หันมาทำอาชีพปลูกป่า ปลูกต้นไม้แทน โดย ทส.กำลังจะแก้กฎหมาย พ.ร.บ.ป่าไม้ มาตรา 7 เพื่อให้สามารถปลูกและตัดไม้ขายได้ง่ายๆ นอกจากนั้น เจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปดูในส่วนของประชาชนที่มีอาชีพคัดแยกขยะอย่างผิดกฎหมายและทำไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการเป็นอันตรายทั้งต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อม อย่างเช่นใน อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์ ที่กำลังแพร่ไปในพื้นที่อื่นๆ เพราะรายได้ดีถึงเดือนละ 3 หมื่นบาท ซึ่งเรื่องนี้ต้องเร่งดำเนินการไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นปัญหาลุกลามต่อไป” พล.อ.สุรศักดิ์กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image