| ที่มา | น7 นสพ.มติชนรายวันฉบับวันที่ 7 ส.ค.2561 |
|---|---|
| ผู้เขียน | น.รินี เรืองหนู |
ขณะที่มรสุมรุมเร้า รถไฟฟ้าบีทีเอส ทั้ง 52 ขบวน มีปัญหาระบบอาณัติสัญญาณขัดข้องทางเทคนิค และอุปกรณ์ชำรุดเพราะใช้งานมานับ 10 ปี จนทำให้การเดินรถสะดุดบ่อยครั้ง กระทบต่อการเดินทางของผู้โดยสารหลายครั้ง
อีกด้านหนึ่ง บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซี ผู้รับสัมปทานเดินรถไฟฟ้าบีทีเอส จากกรุงเทพมหานคร (กทม.) ก็ไม่ละทิ้งเรื่องการจัดหารถไฟฟ้าขบวนใหม่มาให้บริการแก่
ผู้โดยสาร และรองรับการขยายเส้นทางเดินรถส่วนต่อขยายช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ระยะทาง 13 กิโลเมตร (กม.) ในเดือนธันวาคมนี้ และส่วนต่อขยายช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ระยะทาง 19 กม. ที่กำลังอยู่ระหว่างก่อสร้างและคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2562
หากโครงการแล้วเสร็จ จะทำให้รถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งสายสุขุมวิท และสายสีลม มีเส้นทางให้บริการรวมทั้งสิ้น 68.25 กม. สามารถเชื่อมโยงการเดินทางจากชานเมืองเข้าสู่ใจกลางเมืองได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย
สำหรับรถไฟฟ้าขบวนใหม่นี้ นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบีทีเอสซี ได้ร่วมกับ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. นำคณะเดินทางไปทำพิธีรับมอบจากบริษัท ซีเมนส์ และบริษัท โบซาคายา ที่กรุงอังการา สาธารณรัฐตุรกี เมื่อกลางเดือนมิถุนายน และเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม นายกิติศักดิ์ อร่ามเรือง ประธานกรรมการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด และนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บีทีเอสซี ได้ไปตรวจรับรถไฟฟ้ารุ่นใหม่ขบวนแรก ที่ท่าเทียบเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี
นายสุรพงษ์ เปิดเผยว่า รถไฟฟ้าบีทีเอสรุ่นใหม่ยังมีสีสันรูปลักษณ์ภายนอกใกล้เคียงกับรถรุ่นเดิม แต่โฉบเฉี่ยว ทันสมัย เป็นรถประหยัดพลังงาน แต่ละขบวนมี 4 ตู้ ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ ราวจับ 3 แถว ที่นั่งแบบ perch seat พื้นสีแดงทำให้ห้องโดยสารดูสว่างขึ้น ติดตั้งกล้องวงจรปิด มีจอแอลอีดีที่ประตูเพื่อบอกสถานีถัดไป ฯลฯ นอกจากนี้ มีพื้นที่สำหรับผู้โดยสารมากขึ้น โดยลดขนาดและจำนวนที่นั่งให้เหมาะสม และจัดทำที่ยืนแบบมีพนักพิง ทำให้จุผู้โดยสารได้อีกร้อยละ 10 หรือจากขบวนละ 1,490 คน เป็น 1,573 คน ทั้งหมดนี้เน้นใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัยที่สุดจากผู้ผลิตชั้นนำของโลก สำหรับรถไฟฟ้า 22 ขบวน ได้ออกแบบและผลิตชิ้นส่วนต่างๆ ในเยอรมนี และออสเตรีย เป็นส่วนใหญ่ และนำไปประกอบที่โรงงานของบริษัท โบซาคายา ซึ่งเชี่ยวชาญการผลิตชิ้นส่วนรถที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีชื่อเสียงในการผลิตยานพาหนะระบบราง และยานพาหนะระบบไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่มีชื่อในยุโรป
“สำหรับรถไฟฟ้าขบวนแรก หลังจากประกอบขบวนรถที่อู่จอดและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าบางปู จ.สมุทรปราการ แล้วเสร็จ จะทดสอบความพร้อมของตัวรถ และนำไปวิ่งทดลองในเส้นทางสายสำโรง-สมุทรปราการ เดือนตุลาคมนี้ ก่อนเปิดเดินรถอย่างเป็นทางการในเดือนธันวาคม” นายสุรพงษ์ กล่าวและว่า บีทีเอสซียังได้สั่งซื้อรถไฟฟ้าสเปกเดียวกันอีก 24 ขบวน จากบริษัท ซีอาร์ซี ฉางชุน เรลเวย์ เวฮิเคิล จำกัด ด้วยรวมมูลค่า 11,000 ล้านบาท
สำหรับขบวนรถใหม่ที่สั่งซื้อ 22 ขบวน จะทยอยถึงประเทศไทยเพื่อนำไปให้บริการในส่วนต่อขยายสายแบริ่ง-สมุทรปราการ 7 ขบวน และนำไปวิ่งให้บริการในเส้นทางเดิม 15 ขบวน ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสได้รับความสะดวกขึ้น เนื่องจากมีขบวนรถให้บริการได้ถี่ขึ้น ลดเวลาการรอขบวนรถโดยเฉพาะในเวลาเร่งด่วน
