“บิ๊กอู๋” กำชับ อกคร.เร่งแผนคุมต่างด้าว ขู่จนท.เอี่ยวค้ามนุษย์ฟันทั้งวินัย-อาญา

เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์และแรงงานผิดกฎหมาย (อกคร.) พิจารณาปรับปรุงแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนและปฏิรูปการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์และแรงงานผิดกฎหมาย และแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย (ด้านแรงงาน) ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและข้อเสนอแนะในรายงานทิป รีพอร์ต (TIP Report) รวมทั้งข้อเสนอแนะจากสภาพยุโรป ทั้งนี้ แผนทั้ง 2 ฉบับ ได้กำหนดแผนงานที่สำคัญ เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องร่วมกันขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรม อาทิ การติดตามผลการดำเนินการทางวินัยและการดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐมิให้เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ การอายัดและยึดทรัพย์ผู้กระทำผิดฐานค้ามนุษย์ การตรวจมาตรฐานสถานคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ การเพิ่มศักยภาพเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ การลาดตระเวน/สกัดกั้นและจับกุมผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย และการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้นายจ้าง/ลูกจ้างเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ที่พึงมีตามกฎหมายผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการป้องกันการค้ามนุษย์ให้ครอบคลุมทุกมิติ และบรรลุผลสำเร็จตามนโยบายรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากนั้น ที่ประชุมยังได้มีการติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานในเรื่องสำคัญ อาทิ ผลการนำฐานข้อมูลสแกนม่านตา (Iris Scan) มาใช้ตรวจการทำงานของคนต่างด้าว โดยผลการจัดเก็บข้อมูล ณ วันที่ 31 มีนาคม 2561 จำนวน 171,128 คน ได้นำฐานข้อมูลไปตรวจแรงงาน 15,710 คน ไม่พบข้อมูล 1,215 คน ผลการตรวจแรงงานตามแนวทางใหม่เพื่อคัดกรองเบื้องต้นแรงงานบังคับและการค้ามนุษย์ระหว่างวันที่ 19 กุมภาพันธ์-วันที่ 3 สิงหาคม 2561 ตรวจแรงงาน/ลูกจ้างยื่นคำร้อง รวม 8,541 แห่ง 108,999 คน พบเข้าข่ายแรงงานบังคับ/ค้ามนุษย์ 8 แห่ง 25 คน ในชั้นพนักงานสอบสวน พบเป็นผู้เสียหาย 5 แห่ง 15 คน

พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการตามแผนปฏิบัติการทั้ง 2 ฉบับ โดยเฉพาะในประเด็นการบังคับใช้กฎหมายทุกหน่วย ทั้งทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง รวมถึงพนักงานตรวจแรงงาน เพิ่มศักยภาพของเจ้าหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมาย โดยให้ความสำคัญกับการดำเนินงานเชิงรุก เพื่อสอบสวนและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่รัฐที่ไปเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์จะต้องถูกดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญา มอบหมายให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และตำรวจ ตรวจสอบมาตรฐาน สถานคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าสถานคุ้มครองของรัฐและเอกชนจะให้ความดูแลทางด้านจิตใจและความช่วยเหลือทางด้านกฎหมายอย่างเท่าเทียม ตลอดจนสามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนและค่าชดเชยให้กับผู้เสียหายได้

“นอกจากนี้ ยังได้ให้กรมการจัดหางาน (กกจ.) ควบคุมผู้จัดหาแรงงานต่างด้าว โดยห้ามไม่ให้มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากแรงงานต่างด้าว และแจ้งความดำเนินคดีกับผู้จัดหาแรงงานในกรณีพบข้อบ่งชี้ว่าการกระทำที่เข้าข่ายเป็นนายหน้าค้ามนุษย์อย่างเด็ดขาด” พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image