เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ในฐานะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการปฏิรูปด้านสาธารณสุขได้ประชุมหารือร่วมกับ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ซึ่งเป็นการประชุมเฉพาะกิจในเรื่องของงานปฏิรูปสาธารณสุขต่างๆ โดยเรื่องปัญหาสารเคมีอันตราย หรือสารพิษที่มีผลต่อประชาชน เป็นเรื่องที่ให้ความสำคัญมาก อย่างไรก็ตาม จากการประชุมหารือ ได้ข้อสรุปว่า ทางกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) โดย นพ.ปิยะสกล แสดงจุดยืนชัดเจนต้องไม่ใช้สารเคมีทั้ง 3ชนิด แม้สารเคมี ไกลโฟเซต เดิมจะให้จำกัดการใช้ แต่ปัจจุบันมีข้อมูลอันตรายจำนวนมาก จึงต้องแบนร่วมกันทั้งหมด
“เมื่อรัฐมนตรีว่าการสธ. มีจุดยืนเช่นนี้ในการแบนสารเคมี 3 ชนิด จากนี้ทางคณะกรรมการปฏิรูปฯ ก็จะหารือกับคณะกรรมการปฏิรูปด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม และจะเสนอในการประชุมของคณะกรรมการชุดใหม่ที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้ง คือ คณะกรรมการแก้ไขปัญหาการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีความเสี่ยง ซึ่งจะประชุมวันที่ 22 สิงหาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 09.00 น. ที่อาคารปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล ขณะเดียวกันเราได้ส่งข้อมูลเสนอไปยังทางคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติเช่นกัน” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าว
แหล่งข่าวแวดวงสาธารณสุข กล่าวว่า ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับประเด็นดังกล่าวได้มีการพิจารณาว่า กรณีมติของคณะกรรมการวัตถุอันตรายขัดกับมติที่กระทรวงสาธารณสุขเคยรวบรวมข้อมูลวิชาการทั้งในและต่างประเทศไว้ชัดเจน โดยออกเป็นมติเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2560ระบุว่า ยกเลิกการใช้พาราควอตทางการเกษตร และคลอร์ไพรีฟอสในบ้านเรือน สาธารณสุขและการเกษตร ภายในธันวาคม 2561 และจำกัดการใช้ไกลโฟเซตอย่างเข้มงวด ปัญหาคือ เมื่อพิจารณามติดังกล่าว กลับพบว่ามีประกาศฉบับหนึ่งของทางกรมวิชาการเกษตรระบุว่าให้ขยายการขึ้นทะเบียนไป 5 ปี ซึ่งขัดกันอย่างเห็นชัด เนื่องจากมติของกระทรวงสาธารณสุขเป็นไปตาม พ.ร.บ.ระเบียบราชการแผ่นดินตามมาตรา 3/1 ที่ระบุชัดว่า การบริหารราชการต้องเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน ดังนั้น กรณีนี้หากประชาชนหรือกลุ่มใดจะฟ้องว่าขัดต่อมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญา ที่ละเมิดหน้าที่พึงปฏิบัติย่อมได้ ซึ่งก็ต้องจับตามองว่า สุดท้ายแล้วนโยบายเรื่องสารเคมีที่ก่ออันตรายต่อสุขภาพประชาชนจะเป็นอย่างไร