เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 16 สิงหาคม ที่ถนนพุทธมณฑลสาย 3 เขตหนองแขม นายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมด้วย นายสุธน สุวรรณภานนท์ ผู้อำนวยการเขตหนองแขม นพ.ศิวะ ไม้สนธิ์ ผู้แทนสำนักงานสัตวแพทย์สาธารณสุข สำนักอนามัย กรมปศุสัตว์และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าโรงชำแหละและแปรรูปเนื้อสัตว์ของกรุงเทพมหานคร หรือ “โรงฆ่าสัตว์กทม.” เพื่อให้ภาคเอกชนเช่าบริหารภายหลังถูกบริษัทรับเหมาก่อสร้างทิ้งงาน โดยร่วมตรวจความพร้อมของสถานที่และเครื่องจักรอุปกรณ์ก่อนทดสอบระบบอย่างใกล้ชิด โดยมี นายณฐกร สุวรรณธาดา กรรมการบริษัท อินชา 786 จำกัดร่วมให้ข้อมูล
นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับโรงฆ่าสัตว์กทม.ก่อสร้างขึ้นเมื่อปี 2547 ต่อมาถูกบริษัททิ้งงานที่ก่อสร้างได้ร้อยละ 90 ทำให้กทม.ฟ้องร้องจนคดีสิ้นสุดเมื่อไม่นานมานี้ ขณะที่โรงฆ่าสัตว์ถูกปล่อยทิ้งร้างมากว่า 13 ปี ภายหลังพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครเข้ามาดำรงตำแหน่ง มีนโยบายให้เร่งรัดหาแนวทางการบริหารจัดการโรงฆ่าสัตว์ เพื่อให้คุ้มค่ากับงบประมาณและเกิดประโยชน์สูงสุด ต่อมาสำนักอนามัยจึงเข้าดำเนินการ ศึกษาเงื่อนไขและแนวทางเพื่อให้เอกชนเข้ามาเช่าบริหาร ซึ่งโรงฆ่าสัตว์กทม.แบ่งออกเป็น 1.โรงโค-กระบือ หรือ โรงเนื้อ สามารถผลิตได้วันละ 100 ตัว ปัจจุบันได้บริษัท บริษัท อินชา 786 จำกัด เป็นผู้ชนะการประกวดราคาเช่าโรงฆ่าเนื้อเข้ามาบริหารจัดการ ลงนามสัญญาเมื่อวันที่ 18 มิถุนายนที่ผ่านมา พร้อมเสนอค่าตอบแทนให้กทม.เดือนละ 532,000 บาท เป็นเวลา 15 ปี ขณะนี้บริษัท อินชาฯ ดำเนินการปรับปรุงอาคารและเครื่องจักร เตรียมทดสอบระบบวันที่ 21 สิงหาคม นี้ เพื่อขอรับใบอนุญาตจัดตั้งโรงฆ่าสัตว์ (ฆจส.12) และ 2.โรงสุกร หรือ โรงหมู ผลิตได้วันละ 2,000 ตัว ล่าสุดกทม.ได้บริษัท กรุงเทพครัวโลก จำกัด เป็นผู้ชนะการประกวดราคา โดยเสนอค่าเช่าเดือนละ 712,200 บาท เป็นเวลา 15 ปี ปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนจัดซื้อจัดจ้างและขออนุมัติลงนามสัญญา คาดจะใช้เวลาอีก 1 ปี บริษัทจะเข้าปรับปรุงสถานที่และทดสอบระบบเพื่อเข้ามาบริหารจัดการอย่างเต็มรูปแบบ
นายทวีศักดิ์ กล่าวว่า กทม.เชื่อว่าภายหลังได้เอกชนเข้ามาบริหารจัดการทั้งโรงโค-กระบือและโรงสุกรแล้ว ประชาชนชาวกรุงเทพมหานครจะได้บริโภคเนื้อสัตว์ที่มีคุณภาพและสุขอนามัย เนื่องจากโรงฆ่าสัตว์ของกทม.สามารถตรวจสอบแหล่งผลิตของเนื้อสัตว์ได้ทุกขั้นตอนตามมาตรฐานสากล อาทิ การทำให้สัตว์ผ่อนคลายก่อนเข้าสู่สายผลิต เป็นต้น ถือเป็นการปิดตำนานโรงฆ่าสัตว์ที่ถูกปล่อยให้ทิ้งร้างมากกว่า 10 ปี
“ขณะเดียวกัน บริษัท อินชาฯ ยังได้ร่วมพูดคุยกับเกษตรกรรายย่อยเพื่อพัฒนาสายพันธุ์โค โดยการนำเนื้อสายพันธุ์ต่างประเทศเข้ามาผสมเทียมกับโคไทย เพื่อให้เกษตรกรสามารถพัฒนาเนื้อให้มีคุณภาพสู่ระดับสากล ส่วนสภาพแวดล้อมโดยรอบโรงฆ่าสัตว์บางส่วน กทม.จะเข้ามาปรับปรุงภูมิทัศน์ให้สะอาดและสวยงาม ส่วนบริเวณภายในรั้วทางเอกชนจะเป็นผู้ปรับปรุง โดยยึดหลักให้ได้มาตรฐานการผลิตผลิตภัณฑ์ หรือ จีเอ็มพี ทั้งนี้ ยืนยันว่าโรงฆ่าสัตว์ของกทม.เป็นโรงฆ่าสัตว์ที่ดีที่สุดและทันสมัยที่สุดในกรุงเทพมหานคร ซึ่งปัจจุบันโรงฆ่าสัตว์ในกทม.มีทั้งหมด 12 แห่งแบ่งเป็นโรงไก่ 1 แห่ง โรงโค-กระบือ 5 แห่งและโรงสุกร 6 แห่ง” นายทวีศักดิ์ กล่าว
