‘บิ๊กอู๋’ ตั้ง กก.สอบข้อเท็จจริงกรณีร้อง กสม.ทุจริตเงินจ้างงานคนพิการ รู้ผลใน15วัน

กรณีที่นายปรีดา ลิ้มนนทกุล ประธานเครือข่ายพิทักษ์สิทธิคนพิการ ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ให้ตรวจสอบการละเมิดสิทธิและปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมกับคนพิการตามมาตรา 33 ที่กำหนดให้มีการจ้างงานคนพิการ แต่ปรากฏว่าตัวเลขการจ้างงานไม่ตรงกับสิทธิของคนพิการจริง และมาตรา 35 ที่เกิดการทุจริตในส่วนของการฝึกอบรมให้กับคนพิการ ซึ่งสร้างความเสียหายถึง 1,500 ล้านบาทต่อปีนั้้น

เมื่อวันที่ 19 กันยายน พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน แถลงชี้แจงว่า ประเด็นที่การร้องเรียนตามข่าวนั้น พบว่ามีภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง 4 ส่วน คือ คนพิการ กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เครือข่ายพิทักษ์สิทธิคนพิการ ภาครัฐ ดังนั้น เพื่อให้ข้อเท็จจริงปรากฏ กระทรวงแรงงานได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในส่วนที่เกี่ยวข้องขึ้น มีรองปลัดกระทรวงแรงงานเป็นประธาน ให้เห็นผลภายใน 15 วัน ทั้งนี้ตั้งแต่ปี 2552 ที่กระทรวงแรงงานได้ส่งเสริมการมีงานทำให้กับคนพิการ ยังไม่เคยได้รับการร้องเรียนเรื่องการทุจริตเงินคนพิการแต่อย่างใด

พล.ต.อ.อดุลย์แถลงอีกว่า กระทรวงแรงงานมีภารกิจที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมการมีงานทำให้คนพิการตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ.2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2556 ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) คือ 1.จัดหางานให้คนพิการมีงานทำตามมาตรา 33 สถานประกอบการต้องรับคนพิการเข้าทำงานสัดส่วน 1 ต่อ 100 คน หากเกิน 50 คน ต้องรับเพิ่มอีก 1 คน ซึ่งคนพิการจะต้องได้รับโอกาสในการเข้าถึงสิทธิการทำงานตามมาตรา 33 โดยมีรูปแบบการให้บริการคือ ขึ้นทะเบียนคนพิการที่ประสงค์จะทำงานกับนายจ้างที่สำนักงานจัดหางาน หรือเว็บไซต์ www.doe.go.th/smartjob ประสานนายจ้าง/สถานประกอบการเพื่อรับแจ้งตำแหน่งงานว่างและแจ้งขอใช้สิทธิตามมาตรา 33 จับคู่ (Matching) ตำแหน่งงานว่างกับคนพิการให้มีความเหมาะสมกับทั้งสองฝ่าย ส่งตัวคนพิการไปพบนายจ้าง/สถานประกอบการเพื่อสัมภาษณ์งาน และติดตามและประเมินผลการบรรจุงาน ซึ่งในปีงบประมาณ 2561 (ตุลาคม 2560-สิงหาคม 2561) มีคนพิการขึ้นทะเบียนหางานกับกรมการจัดหางาน (กกจ.) จำนวน 1,979 คน และบรรจุงาน จำนวน 1,565 คน

Advertisement

พล.ต.อ.อดุลย์แถลงว่า 2.การส่งเงินเข้ากองทุนส่งเสริมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ตามมาตรา 34 นายจ้าง/สถานประกอบการ ที่มีหน้าที่ต้องจ้างคนพิการ แต่ไม่จ้างหรือจ้างไม่ครบตามจำนวนที่กำหนด นายจ้าง/สถานประกอบการต้องส่งเงินเข้าโดยตรงที่กองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ซึ่งในปี 2561 มีนายจ้าง/สถานประกอบการส่งเงินเข้ากองทุนฯ จำนวน 14,623 คน หรือร้อยละ 22.49 (109,500 บาท ต่อ 1 คนต่อปี) ซึ่งในส่วนนี้ กระทรวงแรงงานไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด 3.ส่งเสริมการมีงานทำให้คนพิการ ตามมาตรา 35 กกจ. โดยสำนักงานจัดหางานจังหวัด และสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่เป็นหน่วยงานรับแจ้งการขอให้สิทธิและขอใช้สิทธิตามมาตรา 35 พ.ร.บ.ส่งเสริมฯ และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2556 และระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการให้สัมปทาน จัดสถานที่จำหน่ายสินค้าหรือบริการ จัดจ้างเหมาช่วงงานหรือจ้างเหมาบริการ โดยวิธีกรณีพิเศษ ฝึกงาน หรือจัดให้มีอุปกรณ์หรือสิ่งอำนวยความสะดวก ล่ามภาษามือ หรือให้ความช่วยเหลืออื่นใดแก่คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการ พ.ศ.2558 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2559 โดยมีการดำเนินงานของสำนักงานจัดหางานจังหวัด และสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ ซึ่งได้รับแจ้งการให้สิทธิจากนายจ้าง/สถานประกอบการแล้วจะดำเนินการตรวจสอบ ดังนี้ 1.สิทธิที่ให้แก่คนพิการครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในระเบียบฯ หรือไม่ 2.มูลค่าของสิทธิที่ให้แก่คนพิการเป็นไปตามที่กำหนดไว้ระเบียบหรือไม่ 3.คนพิการหรือผู้ดูแลคนพิการสามารถรับสิทธิที่นายจ้าง/สถานประกอบการให้ได้หรือไม่ เมื่อตรวจสอบครบถ้วนแล้ว จึงอนุญาตให้นายจ้าง/สถานประกอบการ ให้สิทธิแก่คนพิการ/ผู้ดูแลคนพิการตามที่แจ้ง จากนั้น สำนักงานจัดหางานจังหวัด และสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ จะส่งสำเนาเอกสารในการให้สิทธิแก่คนพิการ/ผู้ดูแลคนพิการทั้งหมด ไปยังสำนักงานการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด และกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ เพื่อติดตามและตรวจสอบสิทธิประโยชน์ของคนพิการต่อไป

“นอกจากนี้ สำนักงานจัดหางานจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานคร ยังช่วยจับคู่งานระหว่างนายจ้างกับคนพิการ ซึ่งคนพิการขึ้นทะเบียนกับกรมการจัดหางานแล้ว 1,979 คน บรรจุงาน 1,565 คน” พล.ต.อ.อดุลย์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image