กก.พิจารณากัญชาทางการแพทย์ จี้ใช้ม.44 ปลดล็อก เหตุล่าช้าผู้ป่วยเสาะแสวงหาใต้ดินอันตราย!

เมื่อวันที่ 27  กันยายน ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ในฐานะกรรมการพิจารณาการนำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ กล่าวว่า ตนมีความเป็นห่วงหากไม่สามารถเดินหน้าปลดล็อกให้สามารถนำสารสกัดจากกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ได้ทัน จะเปิดปัญหาใหญ่แน่นอน เนื่องจากทุกวันนี้ผู้ป่วยหลายคน โดยเฉพาะผู้ป่วยมะเร็ง ยิ่งระยะสุดท้าย ยิ่งมีความหวังที่ต้องการให้ลดความเจ็บป่วยจากภาวะโรคหันมาหาและใช้น้ำมันสกัดจากกัญชากันจำนวนมาก เรียกว่า ไปพึ่งพากัญชาจากใต้ดิน  ซึ่งมีความเสี่ยงตรงที่ไม่สามารถทราบได้เลยว่า สารสกัดจากน้ำมันกัญชาที่นำมาใช้มีปริมาณสารสำคัญอย่างไร หรือการใช้ต้องใช้ในปริมาณมากน้อยแค่ไหนระหว่างสารสกัดสำคัญทั้งทีเอชซี (THC)  และซีบีดี (CBD)

“ทุกวันนี้ต้องยอมรับว่า มีผู้ป่วยจำนวนมากไปเสาะแสวงหากันเอง ซึ่งทำให้เสี่ยงมาก เพราะเราจะไม่ทราบเลยว่าน้ำมันกัญชาที่ได้มานั้น มาจากกัญชาที่ปนเปื้อนสารเคมี ยาฆ่าหญ้าหรือไม่ แต่หากเอาขึ้นมาบนดิน มีการควบคุมการใช้เพื่อการแพทย์เท่านั้น จะทำให้สามารถควบคุมได้ และทราบมาว่าใช้ปริมาณสาระสำคัญในระดับใด แบ่งออกเป็นสูตรๆให้เหมาะกับกลุ่มหรือภาวะโรค จะดีกว่าให้ประชาชนไปลองผิดลองถูกเอง ผมจึงไม่เข้าใจว่ารัฐบาลไม่ทราบถึงปัญหานี้หรืออย่างไร และแทนที่จะรีบดำเนินการเรื่องให้เพื่อให้ผู้ป่วยได้ใช้ประโยชน์ในการรักษาไม่ดีกว่าหรือ เพราะผมมองว่าการพิจารณาร่างกฎหมายยาเสพติดแต่ละฉบับคงไม่น่าจะทัน ทางที่ดีต้องใช้มาตรา 44 เพื่อปลดล็อกการดำเนินการตรงนี้จะดีกว่า ยิ่งปล่อยช้าประชาชน ผู้ป่วยก็เสี่ยงอีก” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่านอกจากมาตรา 44   คิดว่ามีวิธีไหนอีก ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าวว่า เคยหารือกับทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ป.ป.ส.) ถึงอีกแนวทางคือ การปรับจากกัญชาเป็นยาเสพติดประเภท 5 เป็นให้สามารถใช้น้ำมันกัญชามาอยู่ในยาเสพติดประเภทที่ 2 แทน ทำเหมือนมอร์ฟีน ซึ่งจริงๆก็ทำได้ เพื่อใช้ประโยชน์การแพทย์ แต่ส่วนตัวอยากให้ใช้มาตรา 44 ดีกว่า เพราะถ้าคุมเหมือนมอร์ฟีน จะมีขั้นตอนยุ่งยากมาก และการใช้ทางคลินิกก็อาจจะติดขัดได้ จึงฝากความหวังไว้ที่รัฐบาล และท่านนายกรัฐมนตรีจะให้ประโยชน์ของผู้ป่วยใช้มาตรา 44 ออกคำสั่งปลดล็อกดีที่สุด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image