เมื่อวันที่ 28 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 กันยายนที่ผ่านมา คณะกรรมการบริหารสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ที่มี พล.อ.อภิชาต แสงรุ่งเรือง เป็นประธาน ได้มีคำสั่งปลดนายชัยธนา ไชยมงคล ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) หรือ สสปท.ออกจากตำแหน่งและให้มีผลทันที โดยให้เหตุผลว่าเพราะบกพร่องในหน้าที่ และให้นางจุฑาพนิต บุญดีกุล รองผู้อำนวยการ สสปท. รักษาการผู้อำนวยการ สสปท.แทน
ทั้งนี้เมื่อวันที่ 26 กันยายน นายชัยธนาได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีดังกล่าวว่า ได้ต่อสู้อย่างเต็มความสามารถในการผลักดันงานส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัยของประเทศ แต่สู้กับพลังมืดไม่ได้ และถูกปลดออกจากหน้าที่ โดยข้อความระบุว่า
“ผมได้สู้อย่างเต็มความสามารถในการผลักดันงานส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย ของประเทศตามอุดมการณ์ในวิชาชีพที่มีอย่างเต็มที่เพื่อให้แรงงานปลอดภัย แค่คำถามสั้นๆ ครับ 2 ปี สสปท. เปลี่ยนไปอย่างไร ลองพิจารณาอย่างถี่ถ้วนครับ ภายใน 2 ปี จากหน่วยงานเล็กๆ ตอนนี้เป็นหน่วยงานความปลอดภัยที่มีงบประมาณมาใช้เพื่อพัฒนาความปลอดภัยเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 100 มันไม่ง่ายครับกับองค์กร Startup ปล่อยให้เป็นองค์กรของผู้เกษียณอายุบางคนเข้ามาแทรกแซง และครอบครองต่อไปเถอะ
ผมสู้พลังมืดไม่ได้จริง คนบางคนไม่กล้าแม้แต่จะวัดผลการประเมินผลงานผมที่จะมาถึงอีกไม่กี่วัน ไม่กล้าแม้แต่จะเรียกไปปลดผมออกจากหน้าที่ ไม่เสียใจกับตัวเองที่ได้สู้อย่างเต็มที่ เสียใจแค่กับอุดมการณ์ที่เสียเงินและความสุขจากต่างประเทศมาทำให้ครอบครัวลำบาก โลกสวยช่วยไม่ได้ในประเทศไทย แล้วไปพบกันที่ศาลปกครอง และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติแล้วกัน” ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุ
ทั้งนี้ นายชัยธนา ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ยอมรับว่าถูกคณะกรรมการบริหาร สสปท.ปลดจริง ด้วยเหตุผลว่าบกพร่องในหน้าที่จากการจัดจ้างบุคลากรที่เป็นระดับผู้เชี่ยวชาญเข้าไปทำงานใน สสปท.ด้วยวิธีการจัดซื้อจัดจ้างแบบองค์การมหาชน และถูกท้วงติงว่าให้ใช้วิธีจัดซื้อจัดจ้างแบบองค์กรภาครัฐ
“เนื่องจาก สสปท.เป็นองค์กรในกำกับของกระทรวงแรงงานที่ตั้งขึ้นใหม่ การจัดซื้อจัดจ้างยังไม่มีระเบียบรองรับ ผมจึงใช้วิธีจัดซื้อจัดจ้างด้วยการนำเสนอชื่อ ประสบการณ์ และเงินเดือนของผู้เชี่ยวชาญผ่านบอร์ดด้วยระเบียบ และวิธีการจ้างแบบจ้างบุคคล ที่องค์การมหาชนดำเนินการได้ ซึ่งเมื่อตรวจสอบก็กลายเป็นข้อบกพร่อง ก่อนหน้านี้ ผลสอบข้อเท็จจริงยังไม่เสร็จ แต่มีคณะกรรมการบางท่านมีการขอร้องให้ผมลาออกจากตำแหน่ง แต่ผมไม่ออกจึงมีการดำเนินการทุกรูปแบบ เพื่อให้ผมลาออก โดยเฉพาะมีการนำเอากรรมการสอบข้อเท็จจริง ที่มีเพียง 2 คน อีกคนมีอคติส่วนตัว และเข้ามาแทรกแซงหน้าที่การทำงานในสถาบันตลอดเวลา” นายชัยธนา กล่าวและว่า กรณีนี้เห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ในเร็วๆ นี้ จึงเตรียมจะเข้าร้องเรียนต่อศาลปกครอง และคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อไป
