เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 13 ตุลาคม ที่โรงพยาบาลศิริราช ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศงาน “ศิระกรานพระภูบาลนวมินทร์” เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง พสกนิกรต่างสวมใส่เสื้อผ้าสีเหลืองเข้าร่วมงาน หลายคนเดินทางมาจากพื้นที่ในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ด้วยจิตใจแน่วแน่ที่อยากร่วมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ก่อนเวลาต่อมา 14.30 น.ฝนจะตกลงมาอย่างหนัก
นายศักดา สัจจะมิตร อายุ 69 ปี ประกอบอาชีพค้าขาย เดินทางมาจากย่านพุทธมณฑลสาย 1 กทม. เพื่อร่วมน้อมรำลึกถึงในพระมหากรุณาธิคุณ พร้อมกอดพระบรมฉายาลักษณ์แนบอกไว้แน่น เปิดเผยว่า เดินทางมาตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อทำบุญอุทิศถวายเป็นพระราชกุศล แม้ล่วงเลยมา 2 ปี แต่ความรู้สึกที่มีต่อพระองค์ ยังคงตราตรึงในใจเสมอ สิ่งที่ประทับใจมากที่สุด คือ พระองค์ทรงรักปวงชนชาวไทยทุกคน ไม่ว่าจะนับถือศาสนา เชื้อชาติและสัญชาติใดก็ตาม ทรงห่วงใยทุกคนดั่งลูกๆ ของท่าน รวมถึงการเดินทางทรงงานไปยังถิ่นทุรกันดารอย่างลำบาก เพื่อพสกนิกรของท่าน โดยที่ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อย แม้ขณะเข้ารับรักษาอาการประชวรก็ตาม
“ทุกวันนี้ น้อมนำพระราชดำรัสมาใช้ในชีวิต โดยเฉพาะเน้นทำงานต่อส่วนรวม ยึดถือประโยชน์ส่วนรวมเป็นอันดับแรก และประโยชน์ส่วนตนรองลงมา ตลอดจนยึดหลักพระบรมราโชวาท ซื่อสัตย์ สุจริต จริงใจ เสียสละ เอื้อเฟื้อ แบ่งปัน รู้จักให้อภัย ตอบแทนบุญคุณและแผ่นดินเกิด ท้ายสุด อยากฝากให้คนไทยทุกคนยึดถือปฎิบัติตามแนวทางของรัชกาลที่ 9 เริ่มจากการใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ขอให้พอเพียงในทุกด้าน ยกเว้นอย่างเดียวขอให้รักพระองค์อย่าพอเพียง” นายศักดา กล่าว
ด้านนางศนิชา อินทรเสมา อายุ 42 ปี ครูโรงเรียนนานาชาติเคไอเอส กทม. เดินทางมากับ ด.ญ.พัทธ์ธีรา วัย 7 ขวบ-ด.ช.ธีทัต อินทรเสมา วัย 6 ขวบ โดยนางศนิชา กล่าวว่า วันนี้อยากพาลูกๆ มาบันทึกเหตุการณ์สำคัญ 2 เรื่องคือ การเสด็จสวรรคตของในหลวง รัชกาลที่ 9 ครบ2 ปีกับเรื่องที่พระองค์ท่านทรงทำเพื่อประชาชน เพราะเด็กยังไม่เข้าใจ จึงพยายามปลูกฝังให้รู้ว่าพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทุ่มเททำงานเพื่อคนไทยมาตลอดชีวิต ทำให้เราก้าวพ้นวิกฤติและบ้านเมืองเจริญมาถึงทุกวันนี้
“อีกสิ่งหนึ่งที่มักสอดแทรกเสมอเวลาสอนเด็กๆ คือ การใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ประหยัด มัธยัตถ์ เวลาลูกอยากได้ของเล่นอะไร ก็จะหยิบยกเรื่องราวของพระองค์ท่าน ตอนทรงพระเยาว์ ถ้าอยากได้ของเล่น สมเด็จย่าจะทรงสอนให้เก็บเงินเพื่อซื้อของที่อยากได้ เพื่อจะได้เห็นคุณค่าของเงิน คือเราเป็นครูเวลาได้ถ่ายทอดถึงเรื่องนี้จะมีน้ำตาซึมออกมาโดยไม่รู้ตัว เด็กๆ ก็จะรับรู้ได้ถึงความซาบซึ้งใจ เรื่องแบบนี้ต้องสอนเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง หรืออย่างเวลาครูต่างชาติมาถามว่าทำไมเราต้องเคารพรักพระองค์ขนาดนี้ก็จะบอกว่าเคารพรักในสิ่งที่พระองค์ ทรงเสียสละอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย” นางศนิชา กล่าว
ทั้งนี้ ประชาชนจำนวนมากต่างรอคอยช่วงเวลาสำคัญที่สุดของงานวันนี้ ณ เวลา 15.52 น. ซึ่งเป็นเวลาที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรามหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จสวรรคต โดยจะมีการเจริญจิตภาวนาอย่างพร้อมเพรียงกัน ซึ่งเวลาเดียวกับที่เกิดปรากฎการณ์ภาพประติมากรรมแสงเงาของพระองค์ท่าน เหนือตึกศรีสังวาลย์ โรงพยาบาลศิริราช ซึ่งเกิดจากแสงอาทิตย์สาดส่องผ่านระหว่างตึก 72 ปีและอาคาร 100 ปี สมเด็จพระศรีนครินทร์ มากระทบแผ่นวงกลมสีขาว ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 70 เซนติเมตร ภายในงานวันนี้จะมีการมอบกระดาษภาพประติกรรมมาแสง ร.9 ให้แก่ประชาชนฟรีด้วย โดยประชาชนส่วนใหญ่คาดหวังให้สายฝนหยุดตก เพื่อจะได้ร่วมกิจกรรมดังกล่าว